Page 3 of 7

Shopee social partner ช่องทางสร้างรายได้ใหม่

Affiliate marketing ช่องทางการสร้างรายได้จากการแนะนำสินค้าหรือบริการให้กับผู้อื่นที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งสายขาวและกลุ่มสายเทาจำพวกเว็บ บอลชุด 3 ตัว โดยผู้ทำ Affiliate marketing จะได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชั่นตามเงื่อนไขที่บริษัท Affiliate marketing กำหนด ซึ่ง Shopee social partner เป็นช่องทางใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้าและสร้างรายได้เสริมด้วย Affiliate marketing ไปพร้อมกัน

Shopee partner คืออะไร ?

Shopee partner คือ โปรแกรมส่งเสริมร้านค้าด้วยการให้ค่าคอมมิชชันเมื่อมีการแนะนำให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าบน Shopee โดยร้านค้าจะได้รับค่าคอมมิชชันเมื่อมีการซื้อสินค้าหรือบริการจากโพสต์สินค้าที่ร้านค้าแนะนำ โดยเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยให้การทำ Affiliate marketing ประสบความสำเร็จ คือ การเลือกสินค้าหรือบริการที่ผู้ทำมีความรู้ หรือประสบการณ์ เพราะจะช่วยให้เกิดความจริงใจในการแนะนำมากกว่าและส่งผลให้เกิดความน่าเชื่อถือ เช่น หากร้านค้าเป็นคนที่เลี้ยงสัตว์และซื้ออาหาร/อุปกรณ์สัตว์เลี้ยงอยู่แล้วก็นำของที่ใช้งานมาถ่ายรูปและรีวิวข้อดี – ข้อเสีย พร้อมเปรียบเทียบราคาจากร้าน Offline และราคาที่ขายบน Shopee เป็นต้น

ข้อดี – ข้อเสีย ในการทำ Affiliate marketing กับ Shopee partner

  • ร้านค้ามีรายได้เพิ่ม ร้านค้าที่ขายของบน Shopee เข้าร่วม Affiliate marketing จะได้รับรายได้จากค่าคอมมิชชันเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าที่ร้านค้าแนะนำ
  • ไม่จำกัดว่าต้องขายเฉพาะสินค้าตัวเอง ร้านค้าสามารถรับค่าคอมมิชชันเมื่อนำสินค้าจากร้านอื่นไปแนะนำและมีการซื้อของผ่านลิงก์
  • ไม่กำหนดยอดขั้นต่ำในการถอนเงินค่าคอมมิชชัน โดยส่วนใหญ่แล้ว affiliate marketing โปรแกรมในไทยมักมีการกำหนดยอดขั้นต่ำในการถอนเงินค่าคอมมิชชั่น
  • ค่าคอมมิชชันสูง โดยร้านค้าจะได้รับเงินค่าคอมมิชชันสูงสุด 40% ของยอดคำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่และได้รับค่าคอมมิชชันสูงสุด 5% ของยอดคำสั่งซื้อสำหรับลูกค้าปัจจุบัน
  • ไม่เสียค่าสมัครและมีทีมงานสอนฟรี ร้านค้าสามารถเข้าร่วม Affiliate marketing ได้ฟรี! และมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาตลอด
  • จ่ายเงินตรงตามกำหนด มีกำหนดการจ่ายเงินทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือน
  • ข้อเสียของการทำ Affiliate marketing กับ Shopee partner
  • ต้องเป็นร้านค้าของ Shopee เท่านั้น การทำ affiliate marketing ในประเภท Shopee partner จะต้องเป็นร้านค้าที่ขายอยู่ใน Shopee เท่านั้น

อยากหารายได้จาก affiliate marketing Shopee partner ต้องทํายังไง?

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางในการขายสินค้าไปพร้อมกับการสร้างรายได้จาก affiliate marketing เริ่มต้นด้วยการสมัครขายสินค้ากับ Shopee โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและกรอกข้อมูลสินค้า รายละเอียดสินค้า จากนั้นจึงกดเข้าร่วม https://seller-rewards.Shopee.co.th/Shopeesocialpartners

แนะนำ! มือถือสเปกแรง! ฟังก์ชันครบ ราคาไม่เกิน 15,000 บาท

ใครที่กำลังวางแผนอยากเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ ฟังก์ชันครบ สเปกแรงสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันราคาไม่แรง ซื้อสดก็ได้ผ่อนจ่ายก็พอไหว เราขอแนะนำ 5 มือถือสเปกแรง! ฟังก์ชันครบ ราคาไม่เกิน 15,000 บาท ดังนี้

vivo V23e มือถือรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ในราคาเริ่มต้นเพียง 12,999 บาท ความกว้างหน้าจอ 6.4 นิ้ว น้ำหนักเบาเพียง 172 กรัม เป็นแบบ AMOLED 24-bit ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล สีสันสวยงาม สมจริง รองรับการใช้งาน 5G ระบบปฏิบัติการ Android 11 Ram 8 จุดเด่นของ vivo V23e รุ่นนี้อยู่ที่กล้องถ่ายรูปความละเอียดสูง โดยกล้องหลังความละเอียด 50 MP + 8MP(Ultrawide) + 2 MP (Macro) เป็นแบบ Triple Camera เหมาะสำหรับใช้ถ่ายรูปทั้งกลางวัน กลางคืน กล้องหน้าความละเอียด 44 MP ช่วยให้การถ่ายรูป Selfie สวยงาม คมชัด 

realme GT Neo2 หน้าจอขนาดกว้างถึง 6.62 นิ้ว ความละเอียดสูง 1080 x 2400 พิกเซล ภาพคมชัดสีสันสวยงามมาพร้อมระบบปฏิบัติการที่รวดเร็วด้วยชุดชิปเซต Qualcomm Snapdragon 5G Octa core ความเร็ว 3.2 GHz Ram 8/12 GB ความจำตัวเครื่อง 128/256 GB ในส่วนของการถ่ายรูปกล้องหลังเป็นแบบ Triple Camera ความละเอียด เลนส์ Ultrawide 64MP + 8MP + เลนส์ Macro 2MP สามารถถ่ายคลิปวิดีโอความละเอียดระดับ HD ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh และรองรับการชาร์ตเร็ว มีให้เลือก 2 เฉดสี คือ สีเขียวและสีน้ำเงิน ราคาเริ่มต้น 13,990 บาท

POCO X4 Pro 5G ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูซีรีส์ หรือ MV มากขึ้น POCO X4 Pro 5G เลือกใช้จอแบบ Amoleld 24-bit สีสันสวยงาม ให้รายละเอียดแสงและเงาได้ดี ความพิเศษของตัวนี้มีระบบป้องกันน้ำและฝุ่นได้ กล้องเป็นแบบ Triple camera เลนส์ Ultrawide ความละเอียด 108MP + 8MP และ Macro lens 2MP ให้ภาพขนาดสูงสุด 8,000 x 6,000 พิกเซล กล้องหน้าความละเอียด 16MP แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ใช้งานได้นานต่อเนื่อง 15 ชั่วโมงและรองรับระบบชาร์ตไว ราคาเริ่มต้น 10,990 บาท

VIVO V23e หากพูดถึงสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นเรื่องกล้องถ่ายรูป VIVO V23e เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนราคากลาง ๆ ที่มาพร้อมสเปกล้ำ ๆ หน้าจอขนาด 6.44 นิ้ว เป็นแบบ Amoled 24 – bit ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล มาพร้อมชุดชิปเซต Mediatek Dimensity 810 Octa Core ความเร็ว 2.0 GHz Ram 8 GB ระบบปฏิบัติการ Fumtouch OS 12 หน่วยความจำตัวเครื่อง ROM 128 GB ตัวเครื่องมีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง กล้องหน้าความละเอียด 44MP ความละเอียดระดับ HDR  กล้องหลัง Triple Camera Ultrawide lens ความละเอียด 50 MP + 8MP และ Macro lens 2MP ความละเอียดภาพสูง 8,160 x 6,120 พิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังความละเอียดระดับ HD ราคาเริ่มต้น 12,000 – 12,999 บาท

ต้องยอมรับว่าสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 15,000 บาทในปัจจุบันมีสเปกที่ค่อนข้างสูง รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ใครที่กำลังอยากเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่สเปกแรงแนะนำเลย!

โชคอยู่ในมือเรา วิธีเสริมดวงชะตาได้โชคลาภสมใจ

หลายคนเชื่อในเรื่องโชคชะตา แต่โชคลาภไม่ได้เกิดขึ้นจากดวงดีอย่างเดียว การกระทำของเรานี่เองที่จะช่วยเรียกโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา ลองทำอะไรใหม่ ๆ หรือออกไปผจญภัยพบเรื่องราวใหม่ ๆ ผูกมิตรกับใครสักคน อาจสะดุดกับโชคชะตาเข้าบ้าง ลองสมัครเรียนหรือทำงานอดิเรกใหม่ ๆ สักวันอาจได้พบกับอาชีพในฝันหรือช่องทางทำเงินในอนาคต

ความหมายของคำว่าโชคดีขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน อย่างการถูกลอตเตอรี่ก็เป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่คนคาดหวังกัน แต่ในชีวิตจริงคนเราไม่ค่อยพบเจอโชคดีแบบนั้น ได้รับการสนับสนุน ได้เลื่อนตำแหน่ง ได้เงินทุนสำหรับเริ่มต้นธุรกิจ เป็นโชคที่ได้มาจากการรู้จักผู้คนและความสัมพันธ์ทางสังคมที่หลากหลาย ยิ่งรู้จักคนมากขึ้น โอกาสที่จะโชคดีก็ยิ่งมีมากขึ้น 

อย่าปิดกั้นตัวเองด้วยการยึดติดกับเส้นทางเดียวในชีวิต ยึดติดอยู่กับอาชีพเดียว ในภาวะเศรษฐกิจทุกวันนี้นั้น หากมีรายได้ทางเดียวก็ไม่ปลอดภัยต่อความมั่นคงทางการเงิน ลองเปิดรับความจริงว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน งานอดิเรกที่เคยทำเพื่อความสนุกผ่อนคลายอาจกลายเป็นอาชีพสร้างรายได้ คุณอาจกำลังจับเงินอยู่โดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ เป็นเรื่องน่ากลัวแต่อาจมอบโอกาสที่ดีกว่าก็เป็นได้ อย่าได้มองข้ามไป

ลองทำตามเคล็ดลับฮวงจุ้ยเพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองและโชคดีเข้ามาในบ้าน หรือพกเครื่องรางของขลังที่ช่วยลดความวิตกกังวลและเพิ่มความมั่นใจทำให้เกิดความสุขุมใจเย็น เวลาไปสัมภาษณ์งาน ไปพบลูกค้า หรือนำเสนอโครงการใหม่จะช่วยเพิ่มโชคของคุณได้จริง โชคดีอาจเป็นสิ่งที่เราจับต้องไม่ได้ ไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าพยายามไว้ก่อน เราจะใช้ประโยชน์จากโชคได้

แล้วการฝึกใจให้เป็นคนคิดบวกล่ะ สามารถดึงดูดโชคได้จริงหรือไม่? ความคิดในแง่บวกจะผลักดันพลังงานด้านลบออกไปจะช่วยเติมเต็มความรู้สึกดี ๆ สามารถบรรเทาความเครียด ทำให้สุขภาพดีมีอายุยืน และโชคดีก็จะตามมาด้วย เริ่มต้นง่าย ๆ จากเรื่องน้ำครึ่งแก้ว ฝึกคิดบวกเช่น “ดีจริงมีน้ำเต็มไปแล้วครึ่งแก้ว” ไม่ใช่คิดว่า “มีน้ำแค่ครึ่งแก้ว” ทัศนคติที่โชคดีมีผลอย่างมาก คนที่เชื่อว่าตนเองเป็นคนโชคดีจริง ๆ มักจะมองเห็นโอกาสเสมอและมองหาทางใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้นพลิกดวงให้โชคดีได้จริง ๆ ตรงข้ามกับความคิดที่ไม่เป็นมงคลที่ทำให้มองโลกในแง่ร้าย ไม่กล้าเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ คบหาผูกมิตรกับคนใหม่ ๆ ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย 

เมื่อเชื่อว่าตัวเองโชคดีแล้ว  จะทำสิ่งใดก็มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จ มีเคล็ดลับเสริมดวงง่าย ๆ ด้วยวิธีการมองตัวเองในกระจกแล้วพูดว่า ฉันโชคดี ฉันประสบความสำเร็จ และมีความสุข เพื่อสร้างแรงผลักดันทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง ได้งานที่ดี มีความรักที่ดี เป็นเหมือนการเสริมดวงชะตาในเรื่องต่าง ๆ ช่วยให้สามารถทำสิ่งต่าง ๆ สำเร็จได้ตามต้องการ

ซื้อมือถือเครื่องใหม่เลือกแบบเครื่องเปล่าหรือเครื่องติดโปรดี

เชื่อว่าทุกครั้งที่มือถือเครื่องเก่าของเราเริ่มจะตกรุ่นหรือมีปัญหาบ่อย ๆ จนยากจะซ่อมได้อีกต่อไปแล้ว การมองหามือถือเครื่องใหม่มาใช้ทดแทนเป็นสิ่งที่เจ้าของมือถือทุกคนจำเป็นต้องหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ เพราะการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือ เป็นหนึ่งในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก จนบางครั้งหลายคนก็ตามไม่ทัน

ช่องทางการเลือกซื้อมือถือก็มีอยู่หลายช่องทาง เช่น ไปซื้อที่ร้านของแต่ละแบรนด์โดยตรง ซื้อมือถือจากศูนย์บริการเครือข่ายมือถือ ซื้อตามร้านตู้กระจกต่าง ๆ และที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือการสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ โดยตัวแปรหลัก ๆ ของมือถือที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อนอกจากแบรนด์ ระดับราคาและสเปคเครื่อง ก็คือ การเลือกซื้อระหว่างเครื่องเปล่าหรือเครื่องติดโปร

เครื่องเปล่า ก็คือ มือถือที่เราซื้อโดยไม่มีข้อผูกพันเกี่ยวกับการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าบริการหรือการจ่ายเงินล่วงหน้า โดยไม่นับเงื่อนไขการผ่อนชำระมาเกี่ยวข้อง ส่วนมือถือเครื่องติดโปร ก็คือ มือถือที่เราซื้อในราคาพิเศษที่มีข้อผูกพันกับทางผู้ให้บริการเครือข่ายในเรื่องแพ็กเกจรายเดือนขั้นต่ำ จำนวนเดือนที่ผูกพันในสัญญาและอาจรวมถึงการชำระค่าบริการล่วงหน้าจำนวนหนึ่ง

คำถามคือ แล้วแบบนี้เราควรพิจารณาจากอะไรเพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าจะซื้อมือถือเครื่องเปล่าหรือเครื่องติดโปร

1. งบประมาณ

สิ่งแรกที่เราต้องพิจารณาคืองบประมาณที่เราตั้งไว้ในการซื้อมือถือเครื่องใหม่ หากเรามีเงินเพียงพอสำหรับซื้อเครื่องในระดับที่เราต้องการ เราก็สามารถซื้อมือถือได้ทั้งสองแบบจะเครื่องเปล่าหรือเครื่องติดโปรก็ได้

2. ลักษณะการใช้งาน

ลำดับต่อมาที่เราต้องพิจารณาก็คือ ลักษณะการใช้งานมือถือประจำวันของเราว่าเราใช้งานในลักษณะไหน เช่นเราใช้อินเทอร์เน็ตมากแค่ไหน ใช้การโทรเข้าออกเยอะหรือเปล่า ปกติเราใช้แบบรายเดือนหรือแบบเติมเงิน องค์ประกอบเหล่านี้คือสิ่งที่เราจะต้องนำไปเปรียบเทียบกับแพ็คเกจของเครื่องติดโปรที่เป็นเงื่อนไขของทางผู้ให้บริการว่าตรงกับลักษณะการใช้งานของเรามากน้อยแค่ไหน หากใกล้เคียงกัน การซื้อเครื่องติดโปรก็อาจจะคุ้มกว่าการซื้อเครื่องเปล่า

3. การรับประกัน

รายละเอียดเกี่ยวกับการรับประกันที่มีความแตกต่างกันระหว่างการมือถือเครื่องเปล่ากับมือถือเครื่องติดโปร ก็เป็นเรื่องที่เราควรนำมาเปรียบเทียบเพื่อพิจารณา เพราะหากเกิดปัญหาการใช้งานในช่วงแรก การรับประกันที่มากกว่าย่อมเป็นผลประโยชน์ของผู้ซื้ออย่างเรา

4. ยอดรวมเงินที่ต้องจ่ายจริง

ถึงแม้เครื่องติดโปรจะมีราคาเครื่องเบื้องต้นที่ถูกกว่าเครื่องเปล่าก็จริง แต่ส่วนมากจะมีเงื่อนไขให้ชำระค่าบริการล่วงหน้า ซึ่งตรงส่วนนี้เราต้องนำไปหักกับการใช้งานจริงของเราเพื่อให้ได้ยอดรวมการจ่ายสุทธิว่าเป็นเท่าไร แล้วจึงนำมาเปรียบเทียบกับราคาเครื่องเปล่าอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นการซื้อมือถือเครื่องเปล่าหรือเครื่องติดโปร ล้วนมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน ขอเพียงเราศึกษาเงื่อนไขการซื้อให้ดี ๆ ก่อนตัดสินใจ ไม่ว่าจะเลือกซื้อแบบไหน เราก็จะได้ความคุ้มค่าเหมาะสมกลับมาอย่างแน่นอน

วิธีปรับตัวทำงานแบบ Work from Home ในยุคโควิด

การทำงานจากที่บ้านเป็นเรื่องที่หลายสาขาอาชีพยอมรับกันในช่วงการระบาดของโควิด-19 แน่นอนไม่ใช่ทุกเส้นทางอาชีพจะเปลี่ยนมาทำงานทางไกลได้ทันที แต่เนื่องจากสถานการณ์บังคับทำให้หลายอาชีพอย่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเริ่มปรับการทำงานเป็นการตรวจวินิจฉัยโรคจากทางไกลและบริการส่งยาไปให้ผู้ป่วยที่บ้าน ลดจำนวนผู้ป่วยไปโรงพยาบาลให้น้อยลง

การทำงานทางไกลมีทั้งข้อดีและข้อเสีย สิ่งแรกคือความยืดหยุ่นในชั่วโมงการทำงานช่วยให้รับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ประหยัดเวลาเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่าย ให้โอกาสสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่คนทำงานทางไกลตัดสินใจจะทำงานแบบนี้ต่อไปอีกแม้ยุคโควิด-19 จะผ่านพ้นไปแล้ว

พูดถึงข้อเสียจากการทำงานทางไกลคือการเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานลดลง หลายคนรู้สึกขาดแรงจูงใจและโดดเดี่ยว พ่อแม่ที่ทำงานพร้อมดูแลลูกเล็กอยู่กับบ้านจะทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะถูกขัดจังหวะอยู่บ่อย ๆ การทำงานทางไกลส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนเราต่างกันไป หลายคนเริ่มทำงานทางไกลรู้สึกการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ แต่ส่วนใหญ่พบว่าการไม่ต้องออกไปเสี่ยงติดเชื้อนอกบ้านทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น

วิธีรับมือกับความท้าทายเมื่อต้องเปลี่ยนมาทำงานทางไกล มีดังนี้

1.ตรวจสอบกิจวัตรของตนเองอยู่เสมอ
การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอย่างกะทันหันอาจส่งผลกระทบต่อคนที่ปรับตัวยากสักหน่อย เปลี่ยนจากที่เคยตื่นแต่เช้าออกเดินทางไปทำงานจะมีเวลาทำงานเพิ่มขึ้นหลายชั่วโมง ควรเช็กร่างกายและอารมณ์ของตนเองตลอดทั้งวัน ถ้านั่งทำงานเป็นเวลานานหลายชั่วโมงอาจทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น ควรพักสมองเป็นระยะ เช่น ลุกไปดื่มน้ำหรือเข้าห้องน้ำ หากนั่งจ้องหน้าจอติดต่อกันนานแล้วน้ำตาไหล ควรลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อไม่ให้ร่างกายปวดเมื่อยและสายตาอ่อนล้า รับประทานผลไม้บำรุงสายตาและเติมพลังให้ตัวเองตลอดทั้งวัน หลังจากทำงานเสร็จในแต่ละวันควรหากิจกรรมทำช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่คิดถึงเรื่องงานต่อเนื่อง เช่น เดินเล่น ออกกำลังกายช่วงสั้น ๆ หรือเตรียมอาหารทำกับข้าว

2.ไม่ละทิ้งสังคม ควรติดต่อกับผู้อื่นสม่ำเสมอ
หากรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดแรงจูงใจในการทำงานควรมองหาช่องทางติดต่อเพื่อนร่วมงานทุกวัน อาจกำหนดเวลาพักสัก 15 นาทีเพื่ออ่านข้อความอีเมล อ่านบล็อก แชท และใช้โซเชียลมีเดีย เจ้านายและลูกน้องคุยโทรศัพท์ติดต่อเรื่องงานอย่างเปิดเผยเพื่อให้ความรู้สึกมั่นใจมากขึ้น จัดประชุมทางไกลในเวลางาน พร้อมทั้งหาเวลาจัดกิจกรรมกับเพื่อน ๆ และครอบครัวเพื่อเชื่อมต่อสังคมกับทีมงาน จะช่วยบรรเทาความรู้สึกโดดเดี่ยวและหมดไฟในการทำงานไปได้

3.สื่อสารกับหัวหน้างานหรือผู้จัดการบ่อย ๆ
การเปลี่ยนมาทำงานทางไกลค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายองค์กร โดยเฉพาะอาชีพที่ทำงานกันเป็นทีมอาจพบปัญหาและไม่ได้พูดคุยปรึกษากับหัวหน้างานหรือผู้จัดการในทันที ควรจัดการสัมมนาออนไลน์ให้มากขึ้นเพื่อให้เห็นว่าแต่ละคนทำงานคืบหน้าอย่างไร ควรปรับปรุงตรงไหน ในด้านการสื่อสารควรเน้นการเปิดเผยและพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดของแต่ละคนแบบตรงไปตรงมา

สำหรับหลายสาขาอาชีพ การปรับตัวทำงานทางไกลอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเกิดขึ้นกะทันหันและเกิดผลกระทบที่ร้ายแรง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสาเหตุให้หลายคนเกิดความเครียดสะสม หากต้องการความช่วยเหลือ อย่าลังเลที่จะปรึกษาเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย และครอบครัวเพื่อก้าวข้ามช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้ด้วยดี

ทำบุญบริจาคเงินที่ไหนดี 2021

การทำบุญมีอยู่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำกิจการงานให้สมบูรณ์ในแต่ละวัน การดูแลพ่อแม่ให้ดีที่สุด รวมไปถึงการบริจาคเงินให้แก่องค์กรการกุศลต่าง ๆ ที่ไม่แสวงหากำไร ซึ่งย่อมเป็นประโยชน์กว่าการลุ้นวิเคราะห์บอลแล้วเล่นพนัน เรามาดูตัวอย่างกันว่ามีมูลนิธิหรือสถานสงเคราะห์ใดบ้างที่น่าบริจาค

บ้านเฟื่องฟ้า – ที่นี่เป็นสถานดูแลเด็กที่พิการทางสมอง เป็นองค์กรของรัฐที่จัดตั้งมานานแล้ว เพื่อการดูแลเด็กที่พิการทางสมองตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเข้าสู่วัยอนุบาล ประมาณ 7 ปี โดยมีเจ้าหน้าที่ที่รักเด็กและผ่านการอบรมมาแล้ว เงินบริจาคที่บ้านเฟื่องฟ้าได้รับ จะนำไปซื้อยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เสื้อผ้า ของใช้เด็ก รวมถึงขนมสำหรับเด็กด้วย

มูลนิธิวัดพระบาทน้ำพุ – หลวงพ่ออลงกตเป็นประธานของมูลนิธิธรรมรักษ์ หรือที่คนรู้จักว่ามูลนิธิวัดพระบาทน้ำพุ จัดตั้งขึ้นเพื่อนำเงินผู้มีจิตศรัทธาไปช่วยเหลือคนเป็นโรคเอดส์ที่ถูกทอดทิ้งจากครอบครัวไร้คนดูแล และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง โดยการนำเงินไปใช้จะมีการจัดทำบัญชีอย่างเป็นระบบ ผู้บริจาคจึงมั่นใจได้ว่าทุกบาทที่โอนไปจะถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์แน่นอน

มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี – มูลนิธินี้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนสำหรับค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยอนาถา ผู้ป่วยไร้ญาติที่ไม่มีกำลังทรัพย์ แต่กำลังเผชิญกับโรคร้ายต่าง ๆ เช่น มะเร็ง โรคไต ฯลฯ มูลนิธินี้จึงเป็นที่พึ่งของผู้ยากไร้จำนวนมากมาย เชื่อมั่นได้ว่าทุกบาททุกสตางค์ที่ทางโรงพยาบาลได้รับ จะส่งต่อการรักษาที่ดีที่สุดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของบุคคลเหล่านี้

มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์พิการ – นอกจากการทำบุญกับคนแล้ว เรายังสามารถสงเคราะห์สัตว์ เช่น สุนัขหรือแมวที่ถูกอุบัติเหตุรถชนหรือถูกทำร้ายให้พิการ โดยที่เราไม่ต้องรับเป็นภาระในการเลี้ยงดูสัตว์เหล่านี้ด้วยตัวเอง การบริจาคให้ทางมูลนิธิฯ จะถูกนำไปเป็นค่ารักษาพยาบาล เช่น การผ่าตัดต่าง ๆ ค่าอาหาร ค่ายา เพื่อให้สัตว์เหล่านี้มีชีวิตอยู่รอดได้อย่างไม่ทุกข์ทรมาน

มูลนิธิกระจกเงา – เป็นมูลนิธิที่ช่วยเหลือสังคมมานานหลายสิบปี ที่คนทั่วไปรู้จักคือ การตามหาครอบครัวให้กับบุคคลเร่ร่อน และตามหาเด็กที่ถูกลักพาตัว / คนที่สูญหายไปจากครอบครัว เพื่อให้ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีก ทั้งยังช่วยหาอาชีพให้กับบุคคลเหล่านี้ เพื่อการเลี้ยงดูตัวเองได้ในระยะยาวด้วย โดยกระจายความช่วยเหลือผ่านเครือข่ายทั่วไทย

องค์กรหรือมูลนิธิสงเคราะห์คนและสัตว์ในประเทศไทยมีจำนวนมาก เราสามารถเลือกทำเป็นประจำหรือครั้งคราวให้กับองค์กรใดก็ได้ หากต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ก็สามารถสอบถามรายละเอียดกับแต่ละมูลนิธิ อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์สูงสุดก็คือเพื่อการสงเคราะห์ผู้อื่นให้มีชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง

5 ประโยชน์ของการมาสก์หน้า ผิวสวยสุขภาพดีง่ายกว่าที่คิด

การมาสก์หน้าเป็นวิธีง่ายที่สุดในการบำรุงผิวพรรณเร่งด่วนภายในไม่กี่นาที ผิวอ่อนนุ่มชุ่มชื้น ริ้วรอยความหมองและร่องลึกดูตื้นขึ้น การมาสก์หน้ามีหลายรูปแบบตอบโจทย์สภาพผิวและอายุที่แตกต่างกันของแต่ละคน มีอุปกรณ์มาสก์หน้าหลากหลายทั้งวัตถุดิบธรรมและแผ่นมาสก์สำเร็จรูป ซึ่งปกติแล้วใช้เวลาระหว่าง 15-20 นาที แล้วล้างออก บางชนิดมาสก์หน้าแล้วไปนอนได้เลย มาดูประโยชน์ของการบำรุงผิวหน้าด้วยวิธีนี้กัน

1.เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำมีสุขภาพดี ผลิตภัณฑ์มาสก์หน้าเติมความชุ่มชื้นเข้าสู่ชั้นหนังกำพร้า บำรุงผิวแห้งให้อ่อนนุ่มและยืดหยุ่น เวลาเปลือยหน้าสดผิวดูอิ่มเอิบและอ่อนกว่าวัย ผิวฉ่ำชุ่มชื้น ช่วยให้แต่งหน้าง่ายไม่ต้องโบกเครื่องสำอางมาก ได้ลุคสวยใสดูสุขภาพดี ก่อนขั้นตอนการมาสก์ควรทำความสะอาดใบหน้าล้างสิ่งสกปรก ใช้ผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ซับผิวให้แห้งเบา ๆ กระตุ้นให้เซลล์ผิวซึมซับวิตามินและสารบำรุงผิวอย่างเต็มที่

2.รูขุมขนกระชับขึ้น การมาสก์หน้าเป็นประจำช่วยจัดการปัญหาของผิว ไม่ว่าจะเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ควบคุมความมัน ทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก ล้างสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางที่ตกค้างในรูขุมขนที่เป็นสาเหตุของสิวอุดตัน ผิวหน้าสะอาดและรูขุมขนกระชับขึ้น ก่อนทำการมาสก์หน้าใช้โทนเนอร์เช็ดและตบเบา ๆ ช่วยปรับสมดุลของผิวและเปิดรูขุมขนให้กว้างเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผิวได้รับสารบำรุงจากแผ่นมาสก์หน้าอย่างเต็มที่

3.ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก การใช้เป็นประจำสามารถลดสัญญาณแห่งวัยได้ เช่น ริ้วรอย ร่องลึก และจุดสีน้ำตาลเป็นต้น นอกจากนี้ คุณยังจะได้เพลิดเพลินไปกับผิวสัมผัสที่นุ่มนวลและเรียบเนียนยิ่งขึ้น หลังใช้แผ่นมาสก์หน้า ผิวได้รับการฟื้นบำรุงอย่างล้ำลึก ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก ปรับผิวอย่างอ่อนโยน ผิวชุ่มชื้นดูอ่อนเยาว์ขึ้น

4.สีผิวสม่ำเสมอ การมาสก์หน้าช่วยฟื้นบำรุงผิวที่ถูกทำร้ายจากรังสียูวี ผิวหน้าชุ่มชื้นและยับยั้งการสร้างเมลานินเม็ดสีผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวคล้ำเสียสะสมและสีผิวไม่สม่ำเสมอ ปรับสีผิวดูกระจ่างใส จุดด่างดำกวนใจดูจางลงเมื่อใช้เป็นประจำ

5.บำรุงโครงสร้างผิวหน้าให้แข็งแรงมีสุขภาพดี มาสก์หน้าช่วยฟื้นคืนคอลลาเจนในชั้นผิวและต่อต้านอนุมูลอิสระ ส่งผลให้ผิวกระชับตึงชะลอการเกิดริ้วรอย ยกกระชับผิวให้ดูเต่งตึงเนียนเรียบยิ่งขึ้น และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเปล่งปลั่งและอ่อนกว่าวัย

การมาสก์หน้าเป็นเรื่องสะดวกง่ายดายและให้ประโยชน์มากมาย เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่คนรักผิวพลาดไม่ได้เพื่อกู้ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยขาดความยืดหยุ่น ขาดความชุ่มชื้นและหมองคล้ำด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ให้กลับมาอิ่มฟูดูกระชับและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ใครไม่ชอบรอนานสามารถเลือกแผ่นมาสก์หน้าเข้มข้นแบบฟื้นฟูผิวเร่งด่วนใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น ผิวนุ่มเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แนะนำให้ใช้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ตามสภาพผิว

5 วิธี ทำความดีได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องรอใครมาเห็น

การทำความดีคุณสามารถทำได้ในทุก ๆ วัน และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเห็นก็มีความสุขได้ เพราะทุกช่วงชีวิตของคุณทำดีได้อยู่เสมอ และถ้าคุณทำดีได้จนเหมือนเป็นกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวัน จะยิ่งทำให้สังคมนี้น่าอยู่มากขึ้น ดังนั้นจึงขอแนะนำ 5 วิธีที่จะทำให้คุณสามารถทำดีได้แบบง่าย ๆ ไม่ต้องรอให้ใครมาเห็น ดังนี้

1.บริจาคของไม่ใช้แล้ว
การทำความดีแรกเป็นวิธีแบบง่าย ๆ คือ การบริจาคสิ่งของที่คุณไม่ได้ใช้แล้วให้กับผู้ยากไร้หรือผู้ที่ด้อยโอกาส เพียงแค่คุณเลือกเสื้อผ้า, กระเป๋า, รองเท้า หรือของไม่ใช้แล้วที่ยังคงมีสภาพดีอยู่ เป็นสภาพที่สามารถใช้งานได้จริงและจะไม่เสียหายเร็วจนเกินไปเพื่อบริจาคต่อ เท่านี้ก็ถือว่าคุณได้ทำดีไปแล้วขั้นแรก

2.บริจาคอาหารหรือของใช้
การบริจาคอาหารแห้ง เช่น ข้าวสาร, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, เครื่องปรุงต่าง ๆ ไข่ และบริจาคของใช้จำเป็นสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้กับผู้ที่ประสบอุทกภัย, ผู้ลี้ภัย หรือผู้ที่กำลังเดือดร้อนในการใช้ชีวิตอย่างหนัก จะเป็นอีกหนึ่งวิธีการทำดีที่คุณจะสามารถสร้างความสุขให้ได้ทั้งตัวคุณเองและผู้อื่น

3.บริจาคร่างกาย
การบริจาคร่างกายหลังเสียชีวิตแล้ว จะช่วยต่อชีวิตให้กับใครได้หลายคน ไม่ว่าจะเป็นกระจกตา, ไต และอีกหลากหลายส่วนของร่างกาย ที่จะช่วยทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความหวังมากยิ่งขึ้น

4.ช่วยเหลือผู้อื่น
การช่วยเหลือผู้อื่น คุณสามารถทำได้ในทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย เช่น การช่วยพาเด็กหรือผู้สูงอายุเดินข้ามถนน, การช่วยคนเข็นรถ, การช่วยเหลือสัตว์ต่าง ๆ จากอันตราย หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่การเก็บของให้คนอื่นที่ทำหล่นไว้ ก็ถือว่าเป็นความดีที่ทำให้สังคมน่าอยู่มากขึ้น

5.เป็นพลังบวกให้ผู้อื่น
การเป็นพลังบวกที่ดีให้กับผู้อื่นถือว่าเป็นอีกหนึ่งการทำความดีด้วยเช่นกัน เพราะถ้าคุณเป็นคนที่คิดดี ทำดี และพูดดีอยู่เสมอ คุณย่อมทำให้คนรอบข้างมีความสุข อยู่ด้วยแล้วเป็นพลังบวกที่ทำให้คนอื่น ๆ คิดดีและทำดีไปด้วย จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องทำดีที่เริ่มต้นได้จากตัวคุณ

สำหรับการทำความดีในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อคนในสังคมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยโลกที่เปลี่ยนไป การทำดีในทุก ๆ วันของใครหลายคนจึงจางหายไปตามกาลเวลาและโลกที่ต้องเร่งรีบ ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิต จึงทำให้ผู้คนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีน้ำใจให้กันน้อยลง ดังนั้นถ้าคุณเริ่มทำดีตั้งแต่วันนี้และทำไปทุกวันจนเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันของคุณ เชื่อว่าคุณจะเป็นหนึ่งในพลังบวกที่ส่งผลให้คนอื่น ๆ รู้สึกอยากทำความดีตามอย่างแน่นอน

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยกิจกรรมดี ๆ ที่จะทำให้มีความสุขมากขึ้น

เคยได้ยินหรือไม่ว่าหากเราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยสิ่งดี ๆ หรือความคิดดี ๆ แล้ว ตลอดทั้งวันจะเป็นวันที่ดีและมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามา เพราะฉะนั้นกิจกรรมยามเช้าจึงส่งผลอย่างยิ่งในการทำให้วันนั้น ๆ เต็มไปด้วยเรื่องราวดีต่อใจ หลายคนจึงให้ความสำคัญกับช่วงเวลายามเช้าเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นลองมาดูกันว่าจะมีกิจกรรมยามเช้าอะไรบ้างที่มักทำให้คุณเจอเรื่องราวดี ๆ ตลอดทั้งวัน

  • จัดที่นอนให้เป็นระเบียบ
    เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินว่าการจัดที่นอนถือเป็นการเริ่มต้นวันที่มีความหมาย แม้หลายคนจะมองว่าการเก็บที่นอนเป็นเรื่องง่ายที่ดูจะไม่มีสาระอะไรมากนัก แต่การเก็บที่นอนให้เป็นระเบียบถือเป็นการทำงานแรกของวันให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี นับเป็นการเริ่มต้นวันดี ๆ ที่มีความหมาย
  • เติมความสดชื่นด้วยเครื่องดื่มแก้วโปรด
    นอกจากการดื่มน้ำ 1 แก้วทันทีหลังตื่นนอนแล้ว อย่าลืมเริ่มต้นวันด้วยเครื่องดื่มแก้วโปรด ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชา โกโก้ หรือน้ำผักและผลไม้ เพราะเครื่องดื่มดี ๆ จะช่วยทำให้เช้าวันใหม่สดใสยิ่งขึ้น กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และมอบพลังยามเช้าได้เป็นอย่างดี
  • เขียนสิ่งที่ต้องทำแต่ละวัน
    เริ่มต้นเช้าวันใหม่แบบมีแผนการ ​ แนะนำให้ใช้เวลา 5 นาที เพื่อจดรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน อย่าลืมเรียงลำดับจากสิ่งสำคัญมากไปยังสิ่งที่มีความสำคัญน้อย การจดรายการสิ่งที่ต้องทำจะช่วยให้บริหารจัดการเวลาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและไม่พลาดทำสิ่งสำคัญ
  • นั่งสมาธิ
    เพราะการทำสมาธิจะทำให้เกิดการตระหนักรู้และทำให้มีสติมากขึ้น การนั่งสมาธิช่วงเช้าจึงถือเป็นการเริ่มต้นวันดี ๆ ด้วยสติและปัญญา อีกทั้งการทำสมาธิจะทำให้มีสติในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และพร้อมลุยกับทุกสถานการณ์ที่ต้องเจอ
  • พูดให้กำลังใจตัวเอง
    เชื่อหรือไม่ว่ากำลังใจจากตนเองเป็นกำลังใจสำคัญที่สุด เพราะสามารถสร้างได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น โดยควรพูดแต่สิ่งดี ๆ และสิ่งที่เพิ่มแรงบันดาลใจ เพื่อให้มีพลังใจจัดการได้ทุกสถานการณ์
  • ยืนเส้นยืดสาย
    หลังจากตื่นเช้าควรแบ่งเวลาเล็กน้อยสัก 5-10 นาที ในการยืดเส้นยืดสาย ประโยชน์คือช่วยลดความตึงเครียดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดภายหลังจากนอนท่าเดิมนาน ๆ ตลอดคืน หรือหากเป็นไปได้แนะนำให้ออกกำลังกายเบา ๆ สัก 20-30 นาที นอกจากเพิ่มความกระฉับกระเฉงแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายฟิตแอนด์เฟิร์มด้วย

เมื่อเริ่มต้นด้วยสิ่งดี ๆ ทุกเช้าแล้ว เชื่อว่าเรื่องราวดี ๆ จะตามมาตลอดทั้งวัน เพราะฉะนั้นอย่าลืมให้กำลังใจตัวเองบ่อย ๆ คิดแต่สิ่งที่ดี ทำแต่สิ่งที่ดี รับรองว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความสุขในทุกวันอย่างแน่นอน

เคล็ดลับดูแลสุขภาพในยุคโควิด-19 ระบาดหนัก

ท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 คนเราเห็นว่าสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา แม้จะทำงานหาเงินมาเก็บไว้มากมาย แต่ถ้าใครลองได้ล้มหมอนนอนเสื่อแล้ว เงินมากเท่าไรก็ไม่มีความหมาย ถึงเวลาพร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ รับประทานอาหารสดใหม่และมีประโยชน์ วางแผนออกกำลังกายมากขึ้น นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าลืมข้อสำคัญที่สุดคือป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 โดยเรามีเคล็ดลับมาแนะนำดังต่อไปนี้

1.กินอาหารมีประโยชน์
ร่างกายแข็งแรงเป็นเกราะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ทุกเมนูควรมีสารอาหารครบหมู่ รับประทานผักมากขึ้น ผักผลไม้อุดมด้วยแร่ธาตุวิตามิน และกรดอะมิโน ช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด คืนพลังความสดชื่น ลองกินอาหารจากพืชและงดเนื้อสัตว์อย่างน้อยสองมื้อต่อสัปดาห์ แนะนำว่าควรเน้นโปรตีนในมื้อเช้า กินแล้วหนักท้อง ช่วยควบคุมความอยากอาหารตลอดทั้งวัน หลีกเลี่ยงเนื้อแดง หันมารับประทานปลา ผลไม้ ผัก และพืชตระกูลถั่วล้วนอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและสุขภาพโดยรวม ควรลดการบริโภคน้ำตาลโดยเฉพาะน้ำเชื่อมที่มีฟรุกโตสสูง เพราะการบริโภคน้ำตาลมากเกินไปอาจกลายเป็นสาเหตุของโรคอ้วน โรคเบาหวาน ไขมันในตับ โรคหัวใจและหลอดเลือด และมะเร็ง

2.ออกกำลังกายเป็นประจำ
ทุกคนรู้ดีว่าการออกกำลังกายนั้นดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงพร้อมต่อสู้โรคภัย ช่วยคลายความเครียดและลดอาการซึมเศร้า ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เราควรเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ หากเล่นกีฬาไม่สะดวก ลองพิจารณาวิธีออกกำลังกายอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

  • แอโรบิก อย่างน้อยวันละ 20 นาที
  • เดินอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 2 วัน
  • ยกน้ำหนักระหว่างดูทีวี 30 นาที
  • กระโดดเชือกเป็นเวลา 15 นาที หลังตื่นและเวลาเย็น

การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก ไม่ต้องมีอุปกรณ์ใด ๆ แค่วิดพื้น ลุกนั่งอย่างรวดเร็ว เล่นโยคะ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งหลังขดหลังแข็งที่โต๊ะทำงานเป็นเวลานาน ๆ ควรลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน 2-3 ต่อชั่วโมง เดินยืดเส้นยืดสายไปรอบ ๆ ส่งผลดีต่อสุขภาพกระดูกสันหลังในระยะยาว

3.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายคนเครียด วิตกกังวลและนอนไม่ค่อยหลับ จำเป็นต้องปรับเวลาการนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีนในช่วงเย็น หลีกเลี่ยงการงีบหลับระหว่างวัน

สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ยังคงต้องป้องกันตัวเอง การ์ดอย่าตก ทุกคนยังจำเป็นต้องระมัดระวังตัวจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ โดยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร หลีกเลี่ยงฝูงชนและการชุมนุมจำนวนมาก และอยู่บ้านเมื่อรู้สึกไม่สบาย โดยเด็กเล็ก ผู้สูงวัย ผู้ที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ และหญิงตั้งครรภ์ควรป้องกันตนเองในช่วงที่มีการแพร่ระบาดจากไข้หวัดและเชื้อโรคร้ายแรงต่าง ๆ