การออกกำลังกายช่วยป้องกันโรคร้ายได้จริง ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ สมอง หลอดเลือด ไขมัน กระดูก เป็นต้น โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากขึ้น ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่ายมากกว่าคนอายุน้อย เพราะว่าร่างกายเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาบอก 4 เหตุผลว่าทำไมการออกกำลังกายช่วยป้องกันโรคร้ายได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ ดังนี้

1.กระบวนการทำงานของระบบอวัยวะภายในร่างกายดีขึ้น

อวัยวะภายในร่างกายเป็นระบบที่ซับซ้อนและมีความสำคัญ การออกกำลังกายจะช่วยปรับสมดุลอวัยวะภายในร่างกายโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ลดแก๊สในกระเพาะอาหาร นวดอวัยวะภายในโดยรวมของช่องท้อง เพิ่มระดับการไหลเวียนโลหิต ส่งเสริมการทำงานของหัวใจให้มีความแข็งแรง เป็นต้น

2.กระตุ้นระบบการทำงานของสมอง

ความเครียดส่งผลต่อสมองทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับสมองได้ โดยเฉพาะความจำเสื่อมหรือที่เรียกว่า โรคอัลไซเมอร์ และความเครียดยังเป็นสาเหตุที่ทำให้มีโอกาสเป็นโรคร้ายแรง รวมไปถึงโรคแทรกซ้อนเนื่องจากทุกครั้งที่เครียด สารคอลติซอลก็จะหลั่งออกมาจนทำให้บางคนหันไปคลายเครียดด้วยการสูบบุหรี่ซึ่งจะมีสารก่อมะเร็งหรือพึ่งยาเสพติดอื่น ๆ ที่ส่งผลทำลายสมอง เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดความเครียด ควรใช้วิธีออกกำลังกายจะดีกว่า เพื่อให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว และได้ขับเหงื่อออกมา เกิดการกระตุ้นสมองและระบบประสาท ทำให้มีจิตใจแจ่มใสมีความสุข ลดภาวะความเครียดได้ดี

3.ปรับสมดุลของกระดูก

ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มมวลแคลเซียมกระดูกสันหลัง สะโพก และยังช่วยกระตุ้นกระดูกป้องกันไม่ให้เป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกกร่อน กระดูกบาง มะเร็งกระดูก ซึ่งปัญหาเรื่องกระดูกมีความเสี่ยงหรือเป็นอันตรายได้เมื่อมีการขยับร่างกาย ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง ลุก นั่ง นอน

4.เพิ่มความยืดหยุ่นทุกส่วนให้กับร่างกาย

ปัญหาความยืดหยุ่นมักจะเกิดกับคนที่มีอายุมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอวัยวะส่วนคอ หลัง เอว ข้อ ขา ซึ่งจะมีความรู้สึกปวดไปหมด เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเริ่มสนใจการออกกำลังกาย สังเกตได้จากฟิตเนสที่มีคนเข้าไปเพื่อดูแลสุขภาพเป็นจำนวนมาก หรือเต้นแอโรบิกตามสนามกีฬาต่าง ๆ จนเกิดการตั้งชมรมออกกำลังกายเพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง

การออกกำลังกายช่วยป้องกันโรคร้ายได้ หากได้ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี หมายความว่า ไม่ควรหักโหมมากจนเกินไป และก่อนนอน 2 ชั่วโมง ไม่ควรออกกำลังกาย โดยควรออกกำลังกายในช่วงท้องว่างหรือหลังจากที่ได้รับประทานอาหารไปแล้ว 2 ชั่วโมง ที่สำคัญให้บริหารร่างกายเป็นประจำ แล้วร่างกายก็จะค่อย ๆ ปรับตัวจนเกิดความเคยชินโดยอัตโนมัติ และจะรู้สึกว่าการออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่จำเป็นไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ ในชีวิต