Tag: เรื่องน่ารู้

9วิธีการลดน้ำหนักที่ยั่งยืน

การลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในระยะยาวซึ่งส่งเสริมนิสัยที่ดีต่อสุขภาพและความก้าวหน้าที่ค่อยเป็นค่อยไปและสม่ำเสมอ ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์บางประการสำหรับการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน

1.ตั้งเป้าหมายที่สมจริง: ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริงสำหรับการลดน้ำหนัก ตั้งเป้าที่จะลดน้ำหนักทีละน้อย 1-2 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าปลอดภัยและยั่งยืน หลีกเลี่ยงการตั้งความคาดหวังที่ไม่สมจริงซึ่งอาจนำไปสู่ความคับข้องใจและความผิดหวัง

2.มุ่งเน้นไปที่โภชนาการ: รับประทานอาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการซึ่งรวมถึงอาหารทั้งชนิดที่หลากหลาย เช่น ผลไม้ ผัก โปรตีนไร้มัน เมล็ดธัญพืช และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ จัดลำดับความสำคัญของอาหารที่มีสารอาหารหนาแน่นซึ่งให้วิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ที่จำเป็น ในขณะเดียวกันก็ลดอาหารแปรรูป ของขบเคี้ยวที่มีน้ำตาล และไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพให้เหลือน้อยที่สุด

3.ฝึกควบคุมสัดส่วน: ใส่ใจกับขนาดส่วนและหลีกเลี่ยงการกินมากเกินไป ใช้จานที่เล็กกว่า วัดขนาดที่จะเสิร์ฟ และคำนึงถึงสัญญาณความหิวและความอิ่มเพื่อป้องกันการบริโภคแคลอรี่มากเกินไป การรับประทานอาหารช้าๆ และลิ้มรสอาหารสามารถช่วยให้คุณรู้สึกพอใจกับปริมาณที่น้อยลงได้

4.รักษาความชุ่มชื้น: ดื่มน้ำปริมาณมากตลอดทั้งวันเพื่อรักษาความชุ่มชื้นและสนับสนุนการทำงานของร่างกาย บางครั้งความกระหายอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความหิว ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพออาจช่วยป้องกันการรับประทานอาหารว่างและการกินมากเกินไปโดยไม่จำเป็น จำกัดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและเลือกดื่มน้ำ ชาสมุนไพร หรือน้ำผสมแทน

5.การออกกำลังกายเป็นประจำ: รวมการออกกำลังกายเป็นประจำเข้ากับกิจวัตรของคุณเพื่อสนับสนุนการลดน้ำหนักและปรับปรุงสุขภาพโดยรวม ตั้งเป้าผสมผสานการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (เช่น การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน) และการฝึกความแข็งแกร่งเพื่อเผาผลาญแคลอรี สร้างกล้ามเนื้อ และเพิ่มการเผาผลาญ ค้นหากิจกรรมที่คุณชอบและทำให้เป็นส่วนหนึ่งของตารางงานของคุณเป็นประจำ

6.ฝึกการกินอย่างมีสติ: ใส่ใจกับนิสัยการกินของคุณและฝึกฝนเทคนิคการกินอย่างมีสติ ทานอาหารให้ช้าลง เคี้ยวอาหารให้ละเอียด และลิ้มรสชาติและเนื้อสัมผัส ฟังสัญญาณความหิวและความอิ่มของร่างกาย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเนื่องจากความเบื่อ ความเครียด หรือสิ่งกระตุ้นทางอารมณ์

7.นอนหลับให้เพียงพอ: จัดลำดับความสำคัญของการนอนหลับที่มีคุณภาพซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามลดน้ำหนักของคุณ ตั้งเป้านอนหลับ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เนื่องจากการนอนไม่เพียงพออาจรบกวนสมดุลของฮอร์โมน เพิ่มความหิวและความอยากอาหาร และส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญและระดับพลังงาน สร้างกิจวัตรการเข้านอนที่ผ่อนคลายและกำหนดตารางการนอนหลับที่สอดคล้องกัน

8.จัดการความเครียด: ค้นหาวิธีที่ดีต่อสุขภาพในการจัดการกับความเครียด เนื่องจากความเครียดเรื้อรังอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและเป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนักได้ ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ โยคะ หรืองานอดิเรกที่จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและลดระดับความเครียด

9.ขอการสนับสนุน: ล้อมรอบตัวคุณด้วยเครือข่ายเพื่อน ครอบครัว หรือกลุ่มลดน้ำหนักที่สามารถให้กำลังใจ ความรับผิดชอบ และแรงจูงใจตลอดการเดินทางของคุณ แบ่งปันเป้าหมายและความท้าทายของคุณกับผู้อื่น และเฉลิมฉลองความสำเร็จด้วยกัน

การนำการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่ยั่งยืนเหล่านี้มาใช้ จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปและยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมของคุณให้ดีขึ้นด้วย โปรดจำไว้ว่าความสม่ำเสมอและความอดทนเป็นกุญแจสำคัญ และมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถจัดการได้ ซึ่งคุณสามารถรักษาไว้ได้ในระยะยาว

ไหว้พระทำบุญ10วัดที่จังหวัดเชียงใหม่

วัด ในภาษาไทยเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมและประเพณีไทย จังหวัดเชียงใหม่ทางภาคเหนือของประเทศไทยเป็นที่ตั้งของวัดหลายแห่ง ซึ่งแต่ละวัดมีสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และความสำคัญเป็นของตัวเอง วัด 10 แห่งที่คุณสามารถเยี่ยมชมในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อสักการะและทำบุญ

1.วัดพระธาตุดอยสุเทพ ตั้งอยู่บนยอดเขาดอยสุเทพ วัดอันเป็นสัญลักษณ์แห่งนี้มีทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเชียงใหม่ เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นบันไดนาคหรือนั่งกระเช้าไปถึงวัดได้

2.วัดเจดีย์หลวง วัดเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเชียงใหม่ ขึ้นชื่อในเรื่องซากเจดีย์ขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 และครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ซึ่งเป็นศาสนวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศไทย

3.วัดพระสิงห์ วัดพระสิงห์ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองเก่าของเชียงใหม่ มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมสไตล์ล้านนาอันงดงามและพระพุทธสิงห์อันเป็นที่เคารพนับถือ กลุ่มวัดยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามและงานแกะสลักไม้อันวิจิตรบรรจง

4.วัดเชียงมั่น วัดเชียงมั่นเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเชียงใหม่ มีอายุย้อนไปถึงการก่อตั้งเมืองในปี 1296 เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วคริสตัล ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดองค์หนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย

5.วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม วัดอุโมงค์ตั้งอยู่ในป่าอันเงียบสงบชานเมืองเชียงใหม่ มีชื่อเสียงในเรื่องอุโมงค์โบราณและบรรยากาศอันเงียบสงบ วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ฝึกสมาธิและเป็นสถานที่เงียบสงบสำหรับการพักผ่อน

6.วัดพระธาตุดอยคำ (วัดดอยคำ) วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาดอยคำ มีชื่อเสียงในเรื่องพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ที่มองเห็นเมืองได้ นักท่องเที่ยวมาที่นี่เพื่อทำบุญและเพลิดเพลินกับบรรยากาศอันเงียบสงบ

7.วัดพระธาตุดอยสะเก็ด ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองเห็นเมืองดอยสะเก็ด วัดแห่งนี้มีทิวทัศน์อันงดงามของชนบทโดยรอบ จุดเด่นอยู่ที่เจดีย์ทองคำซึ่งประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

8.วัดพระธาตุศรีจอมทอง ตั้งอยู่ในอำเภอจอมทอง วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านเจดีย์โบราณและสถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่สวยงาม เป็นสถานที่แสวงบุญยอดนิยมของชาวพุทธ

9.วัดสวนดอก วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่ที่น่าประทับใจและมีพระพุทธรูปเรียงรายอยู่โดยรอบ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาอันทรงเกียรติอีกด้วย

10.วัดโลกโมฬี ตั้งอยู่ใกล้ประตูช้างเผือกที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ วัดโลกโมลีมีชื่อเสียงในด้านเจดีย์โบราณและสถาปัตยกรรมสไตล์ล้านนาที่สวยงาม นำเสนอสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบจากถนนในเมืองอันพลุกพล่าน

อย่าลืมแต่งกายสุภาพเรียบร้อยและให้เกียรติเมื่อไปวัดในประเทศไทย โดยคลุมไหล่และเข่า และถอดรองเท้าก่อนเข้าอาคารวัด การทำบุญ เช่น การทำบุญตักบาตร หรือการร่วมนั่งสมาธิ ถือเป็นการปฏิบัติทั่วไปสำหรับผู้มาเยือนที่แสวงหาการเสริมสร้างจิตวิญญาณ

5 นิสัยดีที่ทำให้น้ำหนักลงโดยไม่ทันรู้ตัว

การลดน้ำหนักจำเป็นต้องพึ่งพาวินัยในหลายด้าน ทั้งการควบคุมปริมาณอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นอาจจะยังไม่สามารถหักโหมลดปริมาณอาหารได้อย่างกะทันหัน เพราะจะส่งผลให้หิวจัดและทานมากเกินไปจนโยโย่ ดังนั้นการเริ่มต้นด้วยการปรับทัศนคติของตนเองจะทำให้การลดน้ำหนักทำได้อย่างยั่งยืนมากกว่า ลองทำตาม 5 เรื่องที่ทำได้ทุกวันเหล่านี้ให้เป็นนิสัยดูสิ

  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติแนะนำให้ผู้ชายดื่มน้ำประมาณ 3.7 ลิตรต่อวัน และผู้หญิงประมาณ 2.7 ลิตรต่อวัน ถ้าสามารถทำได้ ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะสามารถทำงานได้เต็มที่ โดยเฉพาะระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย นอกจากนั้นยังมีคำแนะนำให้ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ดื่มน้ำก่อนทานอาหารแต่ละมื้อประมาณ 30 นาที จะช่วยทำให้ไม่รู้สึกโหยจนทานอาหารมากเกินไป

  1. นอนหลับอย่างมีคุณภาพทุกวัน

การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลให้การทำงานของฮอร์โมนในร่างกายรวน และทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนมีแคลอรีสะสมมากโดยไม่รู้ตัว นอกจากนั้นยังทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น จนอาจทานอาหารมากเกินความจำเป็นในแต่ละวัน ดังนั้นคนที่อยากควบคุมน้ำหนัก ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมงจึงจะเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

  1. ทำอาหารด้วยตัวเอง

การทำอาหารด้วยตัวเองจะทำให้สามารถเลือกประเภทของอาหาร ควบคุมปริมาณน้ำตาล โซเดียม และน้ำมันได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก เพราะการควบคุมปริมาณแคลอรีจะทำได้ง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นลองวางแผนการซื้อวัตถุดิบและวางแผนการทำอาหารให้เป็นระบบ จะทำให้น้ำหนักลดลงอย่างแน่นอน

  1. พิถีพิถันในการเคี้ยวอาหาร

การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดส่งผลให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีขึ้น ซึ่งสร้างผลลัพธ์ทางบวกต่อระบบย่อยอาหารและระบบเผาผลาญ นอกจากนั้นการทานอาหารเร็วเกินไป จะทำให้กินมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ เพราะกว่าจะรู้สึกอิ่มกลับทานมากไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นควรเคี้ยวอาหารให้ได้ประมาณ 15 ครั้งต่อ 1 คำ จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ดีขึ้น

  1. ทานอาหารในจานขนาดเล็ก

การทานอาหารในจานขนาดเล็กเป็นหลักการทางจิตวิทยาที่ทำให้รู้สึกว่าอาหารที่อยู่ในจานมีปริมาณมากกว่าปกติ และทำให้คิดว่าทานอาหารไปเยอะแล้ว ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น จึงลดการกินจุกจิกและลดการตักอาหารเพิ่มมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นลองหันมาใช้จานขนาดเล็กบรรจุอาหาร จะสามารถไปถึงเป้าหมายในการลดน้ำหนักได้ไวขึ้น

พฤติกรรมเล็ก ๆ เหล่านี้ส่งผลต่อตัวเลขบนตาชั่งมากกว่าที่ทุกคนคิด ถ้าใครกำลังมีความตั้งใจจะลดความอ้วน สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน สิ่งที่ต้องจำไว้คืออย่าหักโหมเกินไป เพียงแค่ลงมือทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ ทำตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง จะสามารถสร้างหุ่นในฝันได้อย่างยั่งยืนกว่าอย่างแท้จริง

ทำไมถึงโกรธง่าย เปลี่ยนนิสัยร้าย ๆ ต้องทำยังไง

ความโกรธเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ คนโมโหร้าย โกรธง่าย เป็นสัญญาณบ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกไม่มั่นคงและควบคุมตัวเองได้ไม่ดีนัก มีสาเหตุจากหลายอย่าง โดยเฉพาะความเครียดและความวิตกกังวล คนเราหงุดหงิดเหวี่ยงวีนกันได้เพราะชีวิตไม่ได้ดั่งใจไปเสียทุกอย่าง อารมณ์โกรธเป็นการระบายวิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความเครียด แต่ก็กระตุ้นการทำงานหัวใจและหลอดเลือดไปจนถึงระบบประสาทเกิดผลเสียตามมาด้วย 

ใครหงุดหงิดเหวี่ยงวีนบ่อย คงต้องกลับมาทนทวนตัวเองแล้วว่าทำไมถึงโกรธง่ายและโมโหบ่อยนัก สังคมของเราในทุกวันนี้พบว่าอารมณ์โกรธถูกกระตุ้นจากความกดดันทางเศรษฐกิจและสังคม ความยากจน ถูกกดขี่ ปัญหาสุขภาพ ความเหลื่อมล้ำและการเลือกปฏิบัติ การสะสมความเครียดในชีวิตประจำวันทำให้โกรธง่ายหรือซึมเศร้า หนักๆ เข้าอาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมเพราะความเกลียดชัง

โกรธบ่อยเกินหรือโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้จึงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ลองตรวจสอบตัวเองว่าโกรธง่ายเพราะสาเหตุใดกันแน่

-ความโกรธเกิดจากการทำงานหนักเกินไป จำเป็นต้องทำงานหาเลี้ยงชีพทุกวัน เหนื่อยและเครียดต่อเนื่อง ไม่มีเวลาว่างหยุดพักผ่อนเติมพลัง เก็บกดมากเข้านานจึงระเบิดออกมาเป็นความรู้สึกโกรธ

-ความโกรธเกิดจากความคาดหวัง เมื่อคนเราคาดหวังแต่ความหวังส่วนใหญ่ไม่เป็นจริงจึงรู้สึกผิดหวังตลอดเวลา กลายเป็นความโกรธในที่สุด

-ความโกรธเกิดจากความเครียด สิ่งที่ทำให้เครียดในชีวิตประจำวันมีอยู่มากมาย บ้างก็ทำงานไม่สำเร็จ ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ พูดไปก็ไม่มีคนรับฟัง ถูกดูหมิ่นทำให้รู้สึกต่ำต้อย ถูกรังแกคุกคาม ความเครียดเรื้อรังทำให้โกรธอยู่เกือบตลอดเวลา

คนเราแสดงความโกรธออกมาไม่เหมือนกัน สัญญาณเตือนว่า “ฉันเริ่มโกรธแล้ว” จึงแตกต่างกันไป บางคนโกรธแล้วเฉยเมย ทำเหมือนไม่เห็น ไม่ได้ยิน บางคนโกรธแล้วก้าวร้าวอาละวาด คนที่โกรธแต่ไม่แสดงออก เราสังเกตสัญญาณของความโกรธได้จากปฏิกิริยาทางร่างกาย เช่น อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น เหงื่อออก หัวใจเต้นเร็ว กำมือ กัดกรามแน่น กล้ามเนื้อตึงเครียด หน้าแดง ปวดหัว แน่นหน้าอก ตะโกนด่าสาปแช่ง หรือทำร้ายร่างกาย ขว้างปาทำลายสิ่งของ ลองสังเกตกันดูว่าตนเองโกรธแล้วเป็นอย่างไร 

ความรู้สึกโกรธเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าโกรธตลอดเวลาควบคุมไม่ได้จะส่งผลต่อชีวิต เป็นสาเหตุของโรควิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า โรคบุคลิกสองขั้ว อาจทำให้คนอื่นเครียดไปด้วย ญาติมิตรเพื่อนสนิทไม่อยากอยู่ใกล้ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนิสัยที่ทำให้คนรอบข้างไม่หนีหายไปจนหมด

เรามาลองฝึกเคล็ดลับควบคุมอารมณ์โกรธแบบง่ายๆ กัน

-หายใจช้า ๆ เริ่มนับ  1 ถึง 10 ให้สมาธิจดจ่ออยู่กับตัวเลขเพื่อสงบสติอารมณ์ ถ้ายังโกรธอยู่ในเริ่มต้นนับใหม่

-เดินช้าลง ทำอะไรช้า ๆ ให้เวลาตัวเองได้ปัดเป่าความโกรธ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ทำหูหวนลมไม่ฟังและเก็บทุกคำพูดที่คิดเอาไว้ในใจ

-คิดให้อภัยและพูดขอโทษ คำว่าขอโทษทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นและมีสติมากขึ้น คำเดียวช่วยลดทิฐิของทั้งสองฝ่าย 

ในกรณีที่เคยขอโทษฝ่ายตรงข้ามแล้วไม่ได้ผล แนะนำว่าไม่ต้องพูดอะไร แยกย้ายกันไปสงบสติอารมณ์จะดีกว่า

เด็กต้องทานไข่ 1 ฟองทุกวัน ให้พลังงานและคุณค่าทางอาหารมหาศาล

ไข่ เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี นำมาปรุงเมนูได้หลากหลาย กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่พ่อแม่เลือกรังสรรค์เป็นเมนูแรกตั้งแต่อายุ 6 เดือน โดยเลือกเพียงไข่แดงเท่านั้น ไข่ขาวทางการแพทย์ยังไม่แนะนำเพราะเด็กอาจเกิดการแพ้ได้ ควรเริ่มทานไปทีละส่วน รอให้เด็กพร้อมก่อน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เด็กทุกคนจะชอบไข่เป็นเมนูโปรด เพราะพวกเขาได้ทานตั้งแต่เด็ก แถมยังทำเมนูไหนก็อร่อยเหาะ

  • มีโอเมก้า 3 ถือเป็นกรดไขมันดี สำหรับเด็ก ๆ แล้วไข่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา บำรุงสมอง
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารตัวนี้แหละที่จะช่วยชะลอความแก่ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
  • มีแคลเซียมสูงถึง 50 มิลลิกรัม ถือเป็นปริมาณที่เพียงพอที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • มีธาตุเหล็ก เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายของเด็ก ๆ แข็งแรง
  • อุดมไปด้วยวิตามินมากมาย อาทิ วิตามินบี ซี ดี อี เค มีประโยชน์ต่อร่างกายและบำรุงสายตา
  • มีโปรตีนและกรดอะมิโน เป็นที่รู้กันว่าโปรตีนเป็นส่วนสำคัญร่างกายต้องได้รับต่อวัน โดยไข่หนึ่งใบมีโปรตีนมากสุดถึง 6 กรัม เหมาะสำหรับคนออกกำลังกายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะในร่างกายอีกด้วย
  • มีสารโคลีนและลูทีน ในปริมาณ 20% ส่งผลดีต่อสมองและระบบประสาท เด็ก ๆ จึงควรทานแบบไม่ให้ขาด อีกทั้งยังเป็นสารอาหารที่ทำให้ดวงตาแข็งแรง
  • ช่วยลดน้ำหนัก เพราะโปรตีนสูง เมื่อทานในตอนเช้าจึงอยู่ท้องได้นาน หากพ่อแม่ท่านไหนกำลังลดความอ้วนอยู่ สามารถทานได้เลยเห็นผลแน่นอน 

เด็กแต่ละช่วงวัย กินไข่วันละกี่ฟอง

1.สำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปสามารถทานไข่ต้มสุกได้ โดยจะต้องเลือกแค่ไข่แดงเท่านั้น นำไปผสมข้าว โดยเริ่มต้นที่ปริมาณน้อย ๆ ก่อน เมื่อสังเกตแล้วว่าลูกน้อยขับถ่ายปกติก็สามารถเพิ่มปริมาณขึ้นอีกได้

2.สำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปหรือจะเป็นวัยเรียน วัยรุ่น แนะนำว่าควรทานไข่ในปริมาณวันละ 1 ฟอง 

3.สำหรับคนวัยทำงานที่มีสุขภาพปกติไม่มีโรคประจำตัว สามารถทานได้วันละ 1 ฟอง

4.สำหรับผู้สูงอายุหรือในคนอ้วน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สามารถทานไข่ได้ โดยการเลี่ยงการทานไข่แดง ทานได้ 3 – 4 ฟอง/สัปดาห์ หรือวันเว้นวัน

รู้แบบนี้แล้วพ่อแม่ทั้งหลาย รวมไปถึงผู้ป่วยโรคเบาหวาน โลหิตสูงสามารถทานไข่ได้ โดยจะต้องควบคุมปริมาณด้วย เพราะในบางคนที่เป็นโรคที่เรากล่าวไปส่งผลเสีย เพราะในไข่แดงมีคอเลสเตอรอล ให้พลังงานสูง

ไหว้พระ 9 วัด 9 พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 9 จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ขับรถไปเที่ยววันเดียวได้

วันหยุดสุดสัปดาห์ มีเวลาแค่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ จะพาครอบครัวไปเที่ยวไหนดี? เรามาลองดูทริป 1 วันที่ทั้งสนุก ได้กินอาหารอร่อย เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและคนที่คุณรัก จังหวัดใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางไปกลับไม่นาน เป็นการใช้เวลาว่างในวันหยุดอย่างคุ้มค่าทีเดียว

ทริปท่องเที่ยว 9 วัด ใน 9 จังหวัด สักการะ 9 พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์

1. หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ไม่มีใครไม่รู้จัก อันมีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ปี 2313 มีพระพุทธรูปพี่น้องรวม 3 องค์ แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำลงมาจากภาคเหนือ องค์พี่ใหญ่ ลอยล่องไปถึงแม่น้ำแม่กลอง ชาวบ้านอัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ที่ วัดบ้านแหลม รู้จักกันในชื่อ หลวงพ่อบ้านแหลม องค์เล็กสุดไปถึงคลองบางพลี ซึ่งก็คือ หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน

ส่วนองค์กลางล่องไปทางแม่น้ำบางปะกงถึงหน้า วัดหงส์ ชาวบ้านช่วยกันยกแต่ไม่สามารถนำขึ้นจากน้ำได้ ต้องทำพิธีบวงสรวงใช้ด้ายสายสิญจน์คล้องพระหัตถ์อัญเชิญขึ้นจากน้ำ วัดหงส์ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น วัดโสธร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิองค์นี้จึงถูกเรียกว่า หลวงพ่อโสธร

ไหว้สักการะ หลวงพ่อโสธร แล้วแวะเดินเที่ยวตลาดชมวิถีชุมชน กินของอร่อย ๆ ซึ่งมีอยู่หลายที่ อาทิ ตลาดคลองสวน ตลาดโบราณนครเนื่องเขต ตลาดบ้านใหม่ ตลาดน้ำบางคล้า

2. หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดบ้านแหลม) อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม

พระพุทธรูปองค์พี่ใหญ่ตามตำนาน 3 พี่น้อง เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร หล่อด้วยทองเหลืองปิดทอง ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้คนมาขอพรให้สมหวังดังปรารถนา ชาวประมงท้องถิ่นก็มีความเชื่อ ความศรัทธาว่า ก่อนออกเรือให้มาไหว้หลวงพ่อฯ แล้วจะปลอดภัย แคล้วคลาด ค้าขายรุ่งเรือง

สมุทรสงคราม ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ตลาดน้ำอัมพวา อุทยาน ร.2 ดอนหอยหลอด ตลาดร่มหุบ

3. หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

พระพุทธรูปองค์น้อง ปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัย สีทองอร่าม ชาวบ้านนิยมไปกราบไหว้ขอพรเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เพราะเชื่อว่าท่านสามารถขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้ คุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภยันตราย

วัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งอยู่ที่ริมคลองสำโรง เดิมมีชื่อว่า วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงชัยชนะของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.สมุทรปราการ นอกเหนือไปจากสถานที่ท่องเที่ยวที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง เมืองโบราณ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สะพานตากอากาศบางปู

4. หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

วัดป่าเลไลยก์เป็นวัดสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรี มีอายุราว 1,200 ปี ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อโต พุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางป่าเลไลยก์ ขนาดสูง 23 เมตร ศิลปะสมัยอู่ทอง มีความงดงามอย่างยิ่ง

ไปถึงเมืองสุพรรณ อย่าลืมแวะ สามชุกตลาดร้อยปี หอคอยบรรหาร-แจ่มใส ด้วยนะ

5. หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ วิหารหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ อ.หนองแค จ.สระบุรี

พระพุทธรูปดิน อายุเก่าแก่ ถูกขุดพบโดยบังเอิญที่หมู่บ้านหนองตาโล่ ต.คชสิทธิ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน พ.ศ. 2502 ชาวบ้านที่มากราบไหว้ขอพรต่างมีประสบการณ์ตรงกัน “ขอพรอะไรก็จะสำเร็จทุกประการ”

วิหารหลวงพ่อฯ อยู่ริมคลองระพีพัฒน์ มีสถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวใกล้ ๆ อาทิ ประตูระบายน้ำพระเอกาทศรถ ศาลเจ้าพ่อหมื่นราม

6. หลวงพ่อวัดไร่ขิง วัดมงคลจินดาราม (วัดไร่ขิง) อ.สามพราน จ.นครปฐม

พระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อทองสัมฤทธิ์ งดงาม ตำนานเล่าว่าลอยน้ำมา ชาวบ้านจึงอัญเชิญขึ้นไว้ที่วัดศาลาปูน ขณะนั้นแสงอาทิตย์ส่องแสงจ้าหายไป กลับปรากฏเมฆดำ ลมปั่นป่วน ฟ้าคะนอง ฝนตกลงมาแทน ชาวบ้านจึงเกิดความปีติยินดีด้วยความเชื่อที่ว่าหลวงพ่อจะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ดับร้อน คลายทุกข์ 

ขอพร หลวงพ่อวัดไร่ขิง แล้ว แวะกินของอร่อย ๆ ที่ ตลาดน้ำวัดดอนหวาย หรือชมดอกไม้ พันธุ์ไม้สวย ๆ ที่สวนสามพราน ต่อเลย

7. หลวงพ่อดำ วัดช่องแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

หลวงพ่อดำ หรือ พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิ พระพุทธรูปปางสมาธิ สูง 5 เมตร ใบหน้าอิ่มเอิบ ดวงตาทอดต่ำลงมองผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ด้วยความเมตตา เดิมเป็นพระพุทธรูปลงรักสีดำ ประดิษฐานอยู่ยอดเขาเจดีย์ กลางแจ้ง ไม่มีหลังคาคลุม ชาวบ้านจึงเรียกว่า หลวงพ่อดำ 

ปัจจุบัน หลวงพ่อดำ ประดิษฐานในพระวิหารวัดช่องแสมสาร ตั้งอยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นวิวทะเลสัตหีบอันสวยงามได้ทั่ว

8. พระพุทธสิหิงค์ วัดโคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

พระพุทธสิหิงค์ หรือชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ที่วัดโคกขามนี้เป็น 1 ใน 4 พระพุทธสิหิงค์ ในประเทศไทย (อีก 3 องค์อยู่ที่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพฯ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ หอพระสิงห์ จ.นครศรีธรรมราช) เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี

มาถึง สมุทรสาคร อย่าลืมไปชมปลาโลมาที่สะพานแดง ด้วยนะ

9. พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อซำปอกง) วัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยาหลวงพ่อซำปอกง พระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา พระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่ครั้งสร้างกรุง เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่ชาวจีนที่เรียกหลวงพ่อว่า ซำปอกง อันเป็นคำเรียกขานแทนชื่อด้วย

9 สาเหตุหน้าแก่ก่อนวัย

การใช้ชีวิตที่ขาดความรู้นำสู่การสร้างโรคและทำร้ายร่างกายให้เสื่อมก่อนวัยอันควร หน้าแก่ก่อนวัยก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของหนุ่มสาว อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ความแก่มาเยือนผิวหน้าก่อนถึงเวลาอันควร ไปดูกัน 

  1. ตากแดดจัดขาดการปกป้อง 

เพราะแสงแดดมีรังสี UV, UVB ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวคล้ำเสีย เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น ในคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง มีโอกาสสัมผัสแดดบ่อย ๆ จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป และควรเลี่ยงการสัมผัสช่วงแดดจัด 

  1. ดื่มน้ำน้อย 

ร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70% เราควรทยอยดื่มน้ำให้ได้ 1.5-3 ลิตร/วัน เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดการแตกแห้ง เป็นขุย ป้องกันผิวเหี่ยวย่น 

  1. ผิวแห้ง 

มีพฤติกรรมดื่มน้ำน้อย ล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีส่วนผสมขอแอลกอฮอล์ ขาดการใช้ครีมบำรุงผิว ล้างหน้าด้วยน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไป เช็ดผิวหน้ารุนแรง เป็นต้น

  1. ทานหวาน  

น้ำตาลตัวอันตรายเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างของคอลลาเจนเกิดการทำลายอีลาสตินซึ่งเป็นโปรตีนสร้างผิวกระชับและยืดหยุ่น ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ เร่งผิวหนังแห้ง มีริ้วรอยลึก หย่อนคล้อย องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) แนะนำให้ผู้ใหญ่และเด็กบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม/วัน ตัวอันตรายอันดับต้นๆ คือ น้ำอัดลม ในปริมาณ 450 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 10.75 ช้อนชา และชานมไข่มุก ใน 350 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 11.25 ช้อนชา เป็นต้น 

  1. นอนดึก-ท่านอนไม่เหมาะสม 

การนอนดึก นอนไม่เป็นเวลาจะสกัดกั้นการทำงานของโกรทฮอร์โมน (สร้างการเติบโต) ที่จะหลั่งมาทำหน้าที่ซ่อมแซม เร่งการเติบโตในช่วงเวลานอน (หลัง 4 ทุ่ม) ทำให้ผิวหน้าไม่ได้รับการซ่อมแซมตามธรรมชาติ นอกจากนี้ท่านอนคว่ำจะทำให้เกิดรอยย่นที่หน้าผากและแก้มได้ง่าย การนอนหงายจึงเป็นท่านอนที่เหมาะสมที่สุด 

  1. กินตอนดึก  ส่งผลให้เกิดการยับยั้งการหลั่งของฮอร์โมนต้านความแก่ คือ เมลาโทนิน 
  1. แต่งหน้าจัด ล้างไม่สะอาด 

ในเครื่องสำอางมีสารเคมีที่พร้อมทำลายผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว หรือล้างไม่สะอาดจะเกิดการตกค้างของสารเคมีทยอยทำร้ายผิวอย่างต่อเนื่อง 

  1. พฤติกรรมทำหน้าแก่ 

เช่น แสดงอารมณ์ผ่านใบหน้ามากเกินไปทำให้กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังบนใบหน้าทำงานหนัก และทำให้เกิดริ้วรอยและร่องลึกได้ง่าย เช่น การขมวดคิ้ว เบะปาก, การเคี้ยวหมากฝรั่งนาน ๆ เช่น วันละ 20 นาทีทำให้เกิดรอยย่นรอบปาก

  1. การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ตัวการสร้างอนุมูลอิสระ ยิ่งดื่มยิ่งสูบยิ่งแก่เร็ว

จะเห็นได้ว่าทั้ง 9 สาเหตุหน้าแก่ดังกล่าวข้างต้นเกิดจากพฤติกรรมประจำวันที่เราสร้างขึ้นมาทำลายผิวหน้าของเราเองทั้งสิ้น เพียงใส่ใจ ลด ละ เลิก ป้องกัน ดูแล ปัจจัยเสี่ยงที่พร้อมทำลายผิวพรรณเหล่านี้ ก็สามารถให้สุขภาพผิวดำเนินสภาพไปตามวัยได้อย่างเหมาะสม

เคล็ดลับไม่ลับการบริหารร่างกายที่โล่งแจ้งในฤดูร้อน

หน้าร้อนมีกิจกรรมบริหารร่างกายที่โล่งแจ้งให้เลือกเยอะมาก แต่ว่าฤดู​​ร้อนในเมืองไทยนับคือปัญหาสำคัญของหลายท่านถ้าเกิดขาดความระวัง
1. ระวังภาวการณ์ขาดน้ำ คือปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับเพื่อการบริหารร่างกายไม่ว่าจะเป็นในร่มหรือที่โล่งแจ้ง การดูแลและรักษาสมดุลของน้ำจะมีผลให้ร่างกายดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพ เมื่อมีการเสียเหงื่อมากมายแม้กระนั้นกินน้ำไม่พอจะนำไปสู่ความไม่ประสบผลสำเร็จของไตรวมทั้งบางทีอาจร้ายแรงจนกระทั่งชีวิตได้ แม้กระนั้นถ้าหากกินน้ำมากจนเกินความจำเป็นก็จะก่อให้สมดุลเสียไป จนกระทั่งก่อกำเนิดอาการอาเจียน ปวดกล้าม ชักหรือถึงแก่เสียชีวิตได้ด้วยเหมือนกัน

ควรจะกินน้ำ 1-2 แก้วก่อนเริ่มบริหารร่างกาย รวมทั้งควรจะจิบน้ำทุก 15นาที ระหว่างการบริหารร่างกายแม้ว่าจะไม่อยากดื่มน้ำก็ตาม ในที่สุดเมื่อหมดการบริหารร่างกายจำเป็นที่จะต้องกินน้ำให้พอเพียงกับจำนวนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป
2. ดื่มเกลือแร่เพื่อความสมบูรณ์ เว้นแต่น้ำที่ร่างกายสูญเสียไประหว่างการบริหารร่างกายแล้ว เมื่อบริหารร่างกายไปจนกระทั่งจุดๆหนึ่ง(ตลอดราวๆ 20นาที) ร่างกายจะสูญเสียเกลือแร่เล็กน้อยไป เพื่อรักษาสมดุลของเกลือแร่ภายในร่างกาย ก็เลยบางทีอาจจำต้องจิบเครื่องดื่มจำพวกเกลือแร่นิดหน่อยแม้กระนั้นไม่สมควรดื่มมากกระทั่งเหลือเกินเนื่องจากจะมีผลให้ร่างกายเกิดภาวะอิ่มน้ำและก็เสียสมดุลท้ายที่สุด
3. เลี่ยงช่วงต้องห้าม เวลาสำหรับการบริหารร่างกายเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กันถ้าหากจำเป็นที่จะต้องบริหารร่างกายที่โล่งแจ้งควรจะเลี่ยงระยะเวลา 10.00-15.00 น. ด้วยเหตุว่าเป็นตอนๆที่ร้อนที่สุดของวัน ซึ่งธรรมดาแล้วในเวลาเช้านับตรงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการบริหารร่างกาย
4. ชุดที่มีไว้ใส่สำหรับเล่นกีฬาสวมใส่สบายคลายร้อน คนที่บริหารร่างกายที่โล่งแจ้งควรจะสวมชุดที่โปร่งสบายไม่เพียงพอดีตัวกระทั่งเกินความจำเป็นเลือกใช้สีอ่อนเพราะว่าจะช่วยสะท้อนความร้อน ผ้าค็อตต้อน(ผ้าฝ้าย)จะช่วยทำให้การระเหยของเหงื่อดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากนั้นชุดบริหารร่างกายที่ดีไซน์พิเศษเพื่อการบริหารร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยเทคโนลียีที่ดีจะช่วยทำให้ช่วยปรับให้ร่างกายเย็นสบาย
5. ทาซันบล็อคสู้แดด แสงอาทิตย์แล้วก็ความร้อนย่อมมีผลร้ายต่อผิวหนังครีมที่เอาไว้สำหรับกันแดดจะช่วยคุ้มครองปกป้องไม่ให้ผิวมีอันตรายจากแสงแดดควรจะเลือกใช้โลชั่นที่เอาไว้กันแสงแดดที่มี SPF 45 เพื่อลดอัตราการเผาไหม้ รวมทั้งควรจะใช้บ่อยๆแม้ว่าจะเป็นวันที่ไม่มีแดดก็ตาม
6. หันหน้าหนีแดด ถ้าสามารถเลือกได้ควรจะหลบหลีกการเผชิญหน้าแสงตะวันโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่ใช้สายตาเป็นหลัก ควรจะตรวจตราการพยากรณ์อากาศก่อนจะไปบริหารร่างกาย เพราะว่าจำนวนโอโซนที่สูงแล้วก็มลภาวะที่เกิดขึ้นทางอากาศรอบตัวจะทำให้เกิดผลเสียต่อปอดโดยตรง
7. รู้ใจทราบกายตัวเอง ผู้บริหารร่างกายทุกคนต้องทราบถึงความสามารถร่างกายของตัวเอง จำเป็นต้องหยุดในทันทีแม้​​รู้สึกตาลายหรือราวกับจะอ้วกเป็นลมเป็นแล้ง ไม่สมควรฝ่าฝืนสังขารกระทั่งอาจจะทำให้ได้รับอันตรายต่อตัวเอง

การบริหารร่างกายนับเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพแล้วก็ถ้าเกิดได้บริหารร่างกายอย่างแม่นยำ ถูกหลัก มีความรอบคอบนึกถึงความเหมาะสมของตัวเอง ก็จะยิ่งก่อให้เกิดการพัฒนาอีกทั้งทางร่างกายรวมทั้งจิตใจอย่างสมบูรณ์ด้วย

ทดสอบสมรรภาพทางร่างกายทำเป็นเช่นไร

การทดลองสมรรถนะร่างกายนอกจจากจะรู้ถึงความแข็งแรงแล้ว ยังสามารถบอกถึงสภาวะสุขภาพ อีกทั้งเป็นตัวระบุแนวทางความประพฤติปฏิบัติที่ควรปฏิบัติได้อีกด้วย คนธรรมดาทั่วไปมักรู้สึกว่าการบริหารร่างกายเพียงแค่ประเภทเดียวก็พอเพียงสำหรับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ตามความจริงผู้ที่ว่ายสิ่งเดียวก็บางทีอาจจะกระดูกพรุนเพราะว่าหมดแรงต่อต้านที่หนักเพียงพอ ผู้ที่วิ่งแต่ละวันลุกนั่งเพียงแค่ไม่จำนวนกี่ครั้งขาก็โคนขาทั้งที่รู้สึกว่าแข็งแรง ผู้ที่เล่นโยคะเมื่อได้วิ่งเพียงแค่แระประเดี๋ยวก็บางครั้งก็อาจจะเหนื่อยส่วนผู้ที่เล่นเวทมากจนเกินไปก็บางทีอาจตัวแข็งจนถึงเกาข้างหลังตนเองมิได้ด้วย
ในเมื่อของกินยังมี 5 กลุ่ม แล้วก็พวกเราก็ควรจะรับประทานให้ครบทุกกลุ่มไม่เช่นนั้นอาจจะก่อให้พวกเราป่วยหนักได้ ด้วยเหตุดังกล่าว การบริหารร่างกายก็จึงควรทำให้ครบทั้งยัง 3 ต้นแบบ เป็น ความแข็งแรงของหัวใจ-ปอด ความแข็งแรงของกล้าม รวมทั้งความยืดหยุ่นของเอ็น ซึ่งควรจะมีการทดลองความสามารถอยู่เป็นระยะเพื่อประโยชน์ของตัวเอง พวกเราก็เลยมีวิธีการทดลองความสามารถที่คุณควรจะทราบมาฝากกัน
1. การทดลองความแข็งแรงของหัวใจ-ปอด
– การประเมินอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก

– การประมาณความดันเลือด ค่ามาตรฐานสำหรับคนที่แก่ตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั้งยังชาย-หญิง สูงสุดอยู่ที่ 120-129 มม.ปรอท แล้วก็ต่ำสุดอยู่ที่ 80-84มม.ปรอท

– การประเมินอัตราการเต้นหัวใจในตอนการบริหารร่างกายนานๆอย่างเช่น รถจักรยานวัดงาน , การก้าวขึ้น-ลง , การเดิน-วิ่งมากยิ่งกว่า 1 กิโลเมตร (คิดค่ามาตรฐานจากปริมาณร้อยละ 80 ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด = 0.8(220-อายุ)
– วัดปริมาตรปอด ด้วยการเป่าลมสุดแรงเข้าเครื่องสไปโรมิเตอร์ (นำผลที่เกิดมาหารด้วยน้ำหนักตัว)
2. การทดลองความแข็งแรงของกล้าม

– การประมาณความแข็งแรงของผูกกล้ามส่วนต่างๆดังเช่น แรงบีบมือ แรงเหยียดหยามแขน-ขา

– การประมาณความทรหดอดทนของกล้าม เป็นต้นว่า การวิดพื้น ลุก-นั่ง
3. การทดลองความยืดหยุ่นของเอ็น
– การประเมินความอ่อนตัวสำหรับการขดตัวไปด้านหน้า

– การประมาณความอ่อนตัวของร่างกายตอนบนสำหรับเพื่อการสัมผัสมือ 2ข้างไปข้างหลัง
4. การคำนวณความเกี่ยวเนื่องของรูปร่างร่างกาย
– การประมาณความสูง น้ำหนัก เพื่อคำนวณค่าดัชนีมวลกาย ซึ่งพอๆกับน้ำหนัก(กิโลกรัม) หารด้วยความสูง(เมตร)ยกกำลัง 2 ซึ่งค่าค่ามาตรฐานอยู่ที่18.5-24.9

– การประมาณรอบเอวและก็รอบสะโพก เพื่อประเมินอัตราส่วนและก็การเสี่ยงรอบเอวมาตรฐานเพศชายไม่เกิน 36 นิ้ว ส่วนหญิงไม่เกิน 32 นิ้ว

นอกเหนือจากนั้นแพทย์กฤช ลี่ทองคำอิน ได้เล่าเรียนในคนที่นอนเฉยๆมิได้ประกอบกิจกรรมใดเลย พบว่า ข้างใน 3 อาทิตย์ความสามารถรูปแบบการทำงานของหัวใจรวมทั้งปอดลดน้อยลง 25% มวลกระดูกสูญเสียหรือลดน้อยลง1% ต่ออาทิตย์ และก็บางทีอาจลดน้อยลงสม่ำเสมอได้ถึง 50% นอกนั้นใน 1 เดือนขนาดของกล้ามจะน้อยลง 10-20%

ซึ่งในตอนนี้คนจำนวนไม่น้อยมีการเคลื่อนน้อยมาก ด้วยเหตุดังกล่าวควรจะยืนขึ้นมาให้ความใส่ใจสำหรับในการบริหารร่างกาย ขอเพียงแต่ทำอย่างถูกแนวทาง บ่อย เมื่อกายร่วมใจพร้อมพวกเราก็ทำเป็นครับผม

ง่ายๆกับการบริหารร่างกาย-รับประทานกล้วยได้ประโยชน์จริง

ของกินที่พวกเรากินล้วนแต่มีหน้าที่สำคัญต่อคุณภาพสำหรับเพื่อการบริหารร่างกาย “กล้วย” นับคือผลไม้ที่มีสาระอย่างยิ่ง อีกทั้งกินได้ง่ายนำพาสบายพวกเราก็เลยได้สะสมคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากกล้วยมาบรรยายให้ทุกคนได้รู้กันนะครับ
“กล้วย” อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต มีน้ำตาลแล้วก็แป้งที่เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย โดยขั้นตอนย่อยของกินจะแปลงคาร์โบไฮเดรตในกล้วยให้เป็นน้ำตาลหลังจากนั้นจะเดินทางตามกระแสโลหิตไปสู่เซลล์ต่างๆทั่วร่างกายเพื่อเป็นพลังงาน สำหรับคนที่เลือกทานอาหารที่ไม่เหมาะสมจะก่อให้ร่างกายมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีลักษณะอ่อนล้าง่ายชักช้า ความสามารถการบริหารร่างกายต่ำลง
ปกติพวกเราควรจะรับประทานมื้อใหญ่ก่อนบริหารร่างกายขั้นต่ำ 2 ชั่วโมง ซึ่งร่างกายจะนำพลังงานไปใช้เพื่อสำหรับในการบริหารร่างกาย แต่ว่าถ้าเกิดเหลือเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก่อนบริหารร่างกายก็ควรจะเลี่ยงการกินมื้อใหญ่เนื่องจากว่าจะก่อให้อึดอัดแน่นท้อง ร่างกายอ่อนแรงได้ง่ายเพราะเหตุว่าระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหารจะต้องดำเนินการอย่างมาก สิ่งที่ควรจะทำเป็นการกินมื้อเล็กเพียงแค่นั้น ซึ่งกล้วยคือผลไม้ที่ยอดเยี่ยม ด้วยเหตุว่าเป็นแหล่งรวมคาร์โบไฮเดรตที่ดียอด ร่างกายประยุกต์ใช้เป็นพลังงานได้ง่าย-เร็วแล้วก็ใช้ได้เป็นเวลานานๆเหมาะกับการบริหารร่างกายทุกต้นแบบ
ซึ่งคนไม่ใช่น้อยบางทีอาจเลือกทานอาหารก่อนบริหารร่างกายเป็นของกินประเภทน้ำตาล ดังเช่น พาวเวอร์บาร์ หรือช็อกโกแล็ต รวมถึงเครื่องดื่มที่ให้พลังงานต่างๆของกินรวมทั้งเครื่องดื่มพวกนี้ให้พลังงานต่อสุขภาพจริง แต่ว่าพลังงานที่ได้รับจะสูญเสียรวมทั้งหมดไปเร็วกว่ามากมาย เวลาที่กล้วยมีสารอาหารที่ร่างกายอยากได้อย่างสมบูรณ์ มีจำนวนคาร์โบไฮเดรตที่สมควรชมรมกับการบริหารร่างกายอย่างไร้ที่ตำหนิ
ภายหลังจากการบริหารร่างกายอย่างมาก ปกติที่ร่างกายจะสูญเสียพลังงานแล้วก็น้ำ รวมถึงการอ่อนเพลียของกล้ามผูกต่างๆสิ่งที่ชี้แนะเป็นจำเป็นต้องจิบน้ำอยู่เป็นระยะระหว่างบริหารร่างกาย แล้วก็เมื่อเสร็จสมบูรณ์จากการบริหารร่างกายจะต้องกินน้ำในทันทีในจำนวนที่เหมาะสมกับน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป ยิ่งกว่านั้นยังจำต้องรับประทานมื้อใหญ่ข้างใน 2 ชั่วโมงข้างหลังการบริหารร่างกาย โดยเน้นย้ำไปที่ของกินที่มีคาร์โบไฮเดรตแล้วก็โปรตีนโดยจะปฏิบัติหน้าที่สำหรับการฟื้นฟูซ่อมร่างกายส่วนที่สึกกร่อน ซึ่งกล้วยก็เป็นตัวเลือกที่ดีลำดับต้นๆสำหรับของกินข้างหลังการบริหารร่างกาย มองเห็นผลดีมากมายก่ายกองของกล้วยขนาดนี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมถ้าเกิดล้วยมาติดไว้ที่บ้านสักหวีครับผม