Author: Nicholas Edwards

จุดกำเนิดของ แร็ปเปอร์ แนวเพลงที่ใครก็ชอบ

คำว่า “แร็ปเปอร์” หมายถึงบุคคลที่แสดงดนตรีแร็พโดยเฉพาะ ซึ่งมีรากฐานมาจากกระแสฮิปฮอป นี่คือรายละเอียดของต้นกำเนิด

สถานที่: บรองซ์ นครนิวยอร์ก ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 [Wikipedia: Rapping] นี่คือจุดที่งานปาร์ตี้แบบบล็อกและการรวมตัวในชุมชนได้ส่งเสริมการพัฒนารูปแบบศิลปะนี้

วัฒนธรรม: ชุมชนแอฟริกันอเมริกันและแคริบเบียนมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ [Britannica: Rap]

ผู้บุกเบิก: DJ Kool Herc ผู้อพยพชาวจาเมกา มักถูกเรียกว่า “บิดาแห่งฮิปฮอป” จากการนำเทิร์นเทเบิลและเบรกบีตมาใช้อย่างสร้างสรรค์ในระหว่างการรวมตัวในช่วงแรก ๆ เหล่านี้ [MDLBEAST: History of Rap] ศิลปินอย่าง Gil Scott-Heron ยังมีอิทธิพลต่อพัฒนาการของแร็พด้วยบทกวีคำพูดที่เป็นจังหวะของพวกเขา [MDLBEAST: History of Rap]

อาหารสำหรับคนเป็นกรดไหลย้อน

กรดไหลย้อนหรือที่เรียกว่าอาการเสียดท้องอาจเป็นความเจ็บปวดอย่างแท้จริง เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลกลับเข้าไปในหลอดอาหารซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมระหว่างปากกับกระเพาะอาหาร สิ่งนี้อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนที่หน้าอก ร่วมกับอาการอื่นๆ ที่ไม่สบายได้

หากคุณเป็นโรคกรดไหลย้อน มีอาหารบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดอาการและทำให้อาการแย่ลงได้ แต่ก็มีอาหารอีกมากมายที่สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องและบรรเทาอาการปวดได้

เคล็ดลับในการเลือกอาหารที่ดีสำหรับกรดไหลย้อนมีดังนี้

-กินอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยขึ้น วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณกรดที่กระเพาะผลิตได้ในคราวเดียว

-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดสูง ซึ่งรวมถึงผลไม้รสเปรี้ยว มะเขือเทศ ช็อคโกแลต และกาแฟ

-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน อาหารที่มีไขมันสามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง (LES) ซึ่งเป็นวาล์วที่ป้องกันไม่ให้กรดในกระเพาะอาหารไหลกลับเข้าไปในหลอดอาหาร

-หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด อาหารรสเผ็ดอาจทำให้เยื่อบุหลอดอาหารระคายเคืองได้

กินช้าๆและเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ซึ่งจะช่วยช่วยในการย่อยอาหารและลดความเสี่ยงของกรดไหลย้อน

-อย่ากินหรือดื่มเครื่องดื่มใกล้เวลานอน วิธีนี้จะช่วยให้กระเพาะมีเวลาย่อยอาหารก่อนเข้านอน

นี่คือตัวอย่างบางส่วนของอาหารที่ดีสำหรับกรดไหลย้อน

-โปรตีนไร้ไขมัน: ไก่ ปลา และเต้าหู้ล้วนเป็นแหล่งโปรตีนไร้มันที่ดีซึ่งย่อยง่าย

-เมล็ดธัญพืช: เมล็ดธัญพืชเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดี ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น

-ผัก: ผักส่วนใหญ่มีกรดและไขมันต่ำ และมีเส้นใยสูง จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน

-ผลไม้: ผลไม้บางชนิด เช่น กล้วย เมลอน และแอปเปิ้ล มีกรดต่ำและมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นกรดไหลย้อน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงผลไม้รสเปรี้ยวซึ่งมีกรดสูง

-ขิง: ขิงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องได้ คุณสามารถลองดื่มชาขิงหรือเติมขิงลงในอาหารของคุณได้

แน่นอนว่าทุกคนมีความแตกต่างกัน และสิ่งที่ใช้ได้ผลกับคนคนหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกคนหนึ่ง สิ่งสำคัญคือต้องจดบันทึกอาหารเพื่อติดตามว่าอาหารชนิดใดที่กระตุ้นให้เกิดอาการของคุณ และทดลองตัวเลือกต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ คุณควรพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับกรดไหลย้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

เคล็ดลับเพิ่มเติมในการจัดการกรดไหลย้อนมีดังนี้

-รักษาน้ำหนักให้แข็งแรง การมีน้ำหนักเกินสามารถกดดันช่องท้องได้ ซึ่งอาจทำให้กรดไหลย้อนแย่ลงได้

-เลิกสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่อาจทำให้หลอดอาหารระคายเคืองและทำให้กรดไหลย้อนแย่ลง

-ยกหัวเตียงของคุณขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้กรดในกระเพาะไหลกลับเข้าไปในหลอดอาหารในขณะที่คุณนอนหลับ

-สวมเสื้อผ้าหลวมๆ การสวมเสื้อผ้ารัดรูปอาจกดดันช่องท้องและทำให้กรดไหลย้อนแย่ลง

ลดน้ำหนักโดยไม่ต้องออกกำลังกาย

การลดน้ำหนักโดยไม่ต้องออกกำลังกายเป็นไปได้ แต่โดยทั่วไปแล้วจะต้องให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการเลือกวิถีชีวิตอย่างรอบคอบ โปรดทราบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม และช่วยเพิ่มความพยายามในการลดน้ำหนักได้ คำแนะนำในการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องออกกำลังกายมีดังนี้

1. การเปลี่ยนแปลงด้านอาหาร : การขาดดุลแคลอรี่ สร้างการขาดดุลแคลอรี่โดยการบริโภคแคลอรี่น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ ติดตามปริมาณแคลอรี่ในแต่ละวันของคุณและค่อยๆลดลง, อาหารที่สมดุล มุ่งเน้นไปที่อาหารที่สมดุลด้วยอาหารที่มีสารอาหารหนาแน่นหลากหลาย รวมถึงผลไม้ ผัก โปรตีนไร้ไขมัน ธัญพืชไม่ขัดสี และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ, การควบคุมส่วน คำนึงถึงขนาดส่วนเพื่อหลีกเลี่ยงการกินมากเกินไป

2. ความชุ่มชื้น : ดื่มน้ำปริมาณมากตลอดทั้งวัน บางครั้งความกระหายมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความหิว ซึ่งนำไปสู่การบริโภคแคลอรี่โดยไม่จำเป็น

3. กำหนดเวลามื้ออาหาร : รับประทานอาหารมื้อเล็กๆ และบ่อยขึ้นตลอดทั้งวันเพื่อช่วยควบคุมความหิวและป้องกันการรับประทานอาหารมากเกินไปในมื้ออาหารหลัก

4. หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป : จำกัดการบริโภคอาหารแปรรูป ของว่างที่มีน้ำตาล และเครื่องดื่มแคลอรี่สูง เลือกใช้อาหารทั้งส่วนที่ไม่ผ่านการแปรรูป

5. การรับประทานอาหารอย่างมีสติ : ใส่ใจกับสิ่งที่คุณกิน หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนสมาธิ เช่น ดูทีวีขณะรับประทานอาหารและลิ้มรสอาหารแต่ละคำ วิธีนี้สามารถช่วยป้องกันการกินมากเกินไปได้

6. ฝันดี : การอดนอนอาจส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญและเพิ่มความอยากอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ตั้งเป้าการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน

7. ลดความตึงเครียด : ความเครียดเรื้อรังอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ฝึกกิจกรรมลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ การหายใจลึกๆ หรือโยคะ

8. เลือกวิธีการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ : เลือกใช้วิธีปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การย่าง การอบ การนึ่ง หรือการผัด แทนการทอด

9. อาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ : รวมอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผลไม้ ผัก และธัญพืชไม่ขัดสีไว้ในอาหารของคุณ ไฟเบอร์สามารถช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มและพึงพอใจได้

10 เก็บบันทึกอาหาร : ติดตามมื้ออาหารและของว่างของคุณเพื่อตระหนักถึงนิสัยการกินของคุณมากขึ้น สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณระบุจุดที่ต้องปรับปรุงได้

11. สม่ำเสมอ : ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เปลี่ยนแปลงอาหารของคุณอย่างยั่งยืน แทนที่จะเลือกรับประทานอาหารแบบสุดโต่งหรือเข้มงวดซึ่งรักษาได้ยาก

โปรดจำไว้ว่า การตอบสนองของแต่ละคนต่อกลยุทธ์การลดน้ำหนักอาจแตกต่างกันไป และสิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือนักโภชนาการก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกับอาหารของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีภาวะสุขภาพผิดปกติอยู่ นอกจากนี้ ให้ลองรวมการออกกำลังกายเข้ากับกิจวัตรประจำวันของคุณเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แม้แต่การออกกำลังกายระดับปานกลาง เช่น การเดิน ก็สามารถช่วยลดน้ำหนักและความเป็นอยู่โดยรวมได้

รู้หรือไม่ สัตว์มีพลังพิเศษเยียวยารักษาโรค

เราเคยได้ยินว่าสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการฝึกระดับสูงช่วยเหลือมนุษย์ได้หลายอย่าง เช่น สุนัขนำทาง และสุนัขช่วยเหลือผู้บกพร่องทางการได้ยิน วิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าการเลี้ยงสัตว์ในบ้านทำให้อารมณ์ดีขึ้น ช่วยให้ผู้สูงอายุไม่เหงา และผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ ในบางกรณีสัตว์มีพลังพิเศษ เช่น แมวที่สัมผัสอาการชัก ม้าสอนให้เด็กออทิสติกให้หัดพูด รวมถึงลาและนกแก้วก็มี

ในเขตเซอร์รีย์ ประเทศอังกฤษ ทิฟฟานี่ เพย์น ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยด้วยอาการ ออทิสติก ไฮเปอร์โมบิลิตี้ มีภาวะกลืนลำบาก ความผิดปกติทางประสาทสัมผัส และความบกพร่องทางการเรียนรู้ เด็กน้อยไม่พูด เดินได้สองสามก้าวก็ล้ม จนกระทั่งอายุได้ 8 ปี แม่ของทิฟฟานี่พาเธอไปที่คอกม้าของน้าสาว อุ้มเด็กหญิงนั่งบนหลังม้าจูงไปรอบๆ ตั้งแต่นั้นมาเด็กหญิงเริ่มเดาะลิ้นทำเสียงให้ม้าเดินตาม จากเสียงแรกค่อยๆ กลายเป็นคำพูดทีละคำ ด้วยความช่วยเหลือจากสัตว์แม้จะเป็นความบังเอิญแต่ในเวลาเพียงปีเดียวเด็กหญิงเรียนรู้คำศัพท์ถึง 100 คำ ปัจจุบันทิฟฟานี่เติบโตเป็นหญิงสาวที่เดิน พูด และขี่รถได้ ครอบครัวของเธอและอาสาสมัครกลุ่มเล็กๆ เปิดศูนย์บำบัดม้าช่วยเหลือเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความบกพร่องด้านต่างๆ รวมถึงออทิสติกและโรคลมบ้าหมู 

ลาแคระเป็นสัตว์เลี้ยงในฝันของหลายคน ด้วยความที่ตัวเล็กเชื่องช้า โตเต็มวัยสูงแค่ 90 ซม. เท่านั้น เมื่อบ้านพักคนชราในเขตวอริกเชอร์นำลาแคระอายุ 4 ปีมาเยี่ยมเยียนผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมและผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ทุกคนชื่นชอบลาตัวน้อย ผลัดกันเล่าเรื่องเก่าๆ อย่างสนุกสนานช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูความทรงจำให้อดีตได้ดีจนเหลือเชื่อ เจ้าลาได้รับการฝึกฝนอย่างดีเป็นสัตว์บำบัดที่เชื่องน่ารัก รู้จักเดินขึ้นและลงลิฟต์และเดินไปรอบๆ เตียง วางศีรษะซบไหล่ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกอบอุ่นมีกำลังใจและอดขำไม่ได้เมื่อเจ้าลาที่ซุกซนอยากรู้อยากเห็นพยายามมุดหาถ้าเตียงไหนมีถ้วยชาหรือเค้กสักชิ้น

กระต่ายหูตกสายพันธุ์ เฟรนช์ ลอป อายุ 2 ปี ตัวใหญ่ยักษ์นิสัยเชื่องน่ารัก เป็นสัตว์บำบัดยอดนิยมที่ศูนย์สุขภาพจิตวัยรุ่นของโรงพยาบาลเกลนฟีลด์ในเขตเลสเตอร์ ช่วยสงบอารมณ์ปลอบขวัญวัยรุ่นที่คลุ้มคลั่ง บางคนก็ทำร้ายตัวเอง เจ้ากระต่ายเป็นแขกประจำมาโรงพยาบาลทุก 2 สัปดาห์เยี่ยมเด็กวัยรุ่นอายุระหว่าง 12-18 ปี พอเด็กๆ ได้อุ้ม ลูบตัว และพูดคุยด้วย หลังจากกระต่ายตัวใหญ่หนักกว่า 6 กก. ยืดตัวเต็มที่ได้ถึง 3 ฟุต นอนเหยียดยาวทับบนตัวเด็กๆ จะรู้สึกเหมือนผ้าห่มหนักๆ ขนนุ่มอบอุ่นช่วยให้ผ่อนคลาย อาการกระวนกระวายก็ค่อยๆ หายไป

การพูดคุยเป็นวิธีการบำบัดทางจิตใจเพื่อให้ลืมหรือก้าวข้ามเรื่องแย่ๆ ไปได้ แต่หลายคนก็ไม่สะดวกใจที่จะเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับคนที่ไม่สนิทสนม แต่ถ้าเป็นสัตว์ตัวเล็กน่ารักแล้วกลับพูดคุยแบบเปิดใจได้มากกว่า เด็กที่มีประสบการณ์เลวร้าย หรือมีปัญหายาเสพติด กลับยอมเปิดปากคุยกับนกแก้ว พอได้คุยเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นและปิดกั้นตัวเองน้อยลง

อย่างไรก็ตาม สัตว์บำบัดไม่ใช่สัตว์เลี้ยง หากแต่ได้รับการฝึกระดับสูงเพื่อให้ความปลอดภัยแก่ผู้ที่อยู่ใกล้ ในฐานะผู้ปกครองที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ช่วยให้ลูกๆ รู้สึกสบายใจ กระตุ้นให้มีความมั่นใจและความนับถือตัวเอง รวมถึงพัฒนาทักษะทางสังคม คุณต้องแน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดีและได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม พร้อมกับสอนให้เด็กปฏิบัติกับสัตว์เลี้ยงอย่างอ่อนโยนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยด้วยกันทั้งสองฝ่าย

5 นิสัยดีที่ทำให้น้ำหนักลงโดยไม่ทันรู้ตัว

การลดน้ำหนักจำเป็นต้องพึ่งพาวินัยในหลายด้าน ทั้งการควบคุมปริมาณอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นอาจจะยังไม่สามารถหักโหมลดปริมาณอาหารได้อย่างกะทันหัน เพราะจะส่งผลให้หิวจัดและทานมากเกินไปจนโยโย่ ดังนั้นการเริ่มต้นด้วยการปรับทัศนคติของตนเองจะทำให้การลดน้ำหนักทำได้อย่างยั่งยืนมากกว่า ลองทำตาม 5 เรื่องที่ทำได้ทุกวันเหล่านี้ให้เป็นนิสัยดูสิ

  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติแนะนำให้ผู้ชายดื่มน้ำประมาณ 3.7 ลิตรต่อวัน และผู้หญิงประมาณ 2.7 ลิตรต่อวัน ถ้าสามารถทำได้ ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะสามารถทำงานได้เต็มที่ โดยเฉพาะระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย นอกจากนั้นยังมีคำแนะนำให้ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ดื่มน้ำก่อนทานอาหารแต่ละมื้อประมาณ 30 นาที จะช่วยทำให้ไม่รู้สึกโหยจนทานอาหารมากเกินไป

  1. นอนหลับอย่างมีคุณภาพทุกวัน

การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลให้การทำงานของฮอร์โมนในร่างกายรวน และทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนมีแคลอรีสะสมมากโดยไม่รู้ตัว นอกจากนั้นยังทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น จนอาจทานอาหารมากเกินความจำเป็นในแต่ละวัน ดังนั้นคนที่อยากควบคุมน้ำหนัก ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมงจึงจะเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

  1. ทำอาหารด้วยตัวเอง

การทำอาหารด้วยตัวเองจะทำให้สามารถเลือกประเภทของอาหาร ควบคุมปริมาณน้ำตาล โซเดียม และน้ำมันได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก เพราะการควบคุมปริมาณแคลอรีจะทำได้ง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นลองวางแผนการซื้อวัตถุดิบและวางแผนการทำอาหารให้เป็นระบบ จะทำให้น้ำหนักลดลงอย่างแน่นอน

  1. พิถีพิถันในการเคี้ยวอาหาร

การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดส่งผลให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีขึ้น ซึ่งสร้างผลลัพธ์ทางบวกต่อระบบย่อยอาหารและระบบเผาผลาญ นอกจากนั้นการทานอาหารเร็วเกินไป จะทำให้กินมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ เพราะกว่าจะรู้สึกอิ่มกลับทานมากไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นควรเคี้ยวอาหารให้ได้ประมาณ 15 ครั้งต่อ 1 คำ จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ดีขึ้น

  1. ทานอาหารในจานขนาดเล็ก

การทานอาหารในจานขนาดเล็กเป็นหลักการทางจิตวิทยาที่ทำให้รู้สึกว่าอาหารที่อยู่ในจานมีปริมาณมากกว่าปกติ และทำให้คิดว่าทานอาหารไปเยอะแล้ว ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น จึงลดการกินจุกจิกและลดการตักอาหารเพิ่มมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นลองหันมาใช้จานขนาดเล็กบรรจุอาหาร จะสามารถไปถึงเป้าหมายในการลดน้ำหนักได้ไวขึ้น

พฤติกรรมเล็ก ๆ เหล่านี้ส่งผลต่อตัวเลขบนตาชั่งมากกว่าที่ทุกคนคิด ถ้าใครกำลังมีความตั้งใจจะลดความอ้วน สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน สิ่งที่ต้องจำไว้คืออย่าหักโหมเกินไป เพียงแค่ลงมือทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ ทำตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง จะสามารถสร้างหุ่นในฝันได้อย่างยั่งยืนกว่าอย่างแท้จริง

ทำไมถึงโกรธง่าย เปลี่ยนนิสัยร้าย ๆ ต้องทำยังไง

ความโกรธเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ คนโมโหร้าย โกรธง่าย เป็นสัญญาณบ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกไม่มั่นคงและควบคุมตัวเองได้ไม่ดีนัก มีสาเหตุจากหลายอย่าง โดยเฉพาะความเครียดและความวิตกกังวล คนเราหงุดหงิดเหวี่ยงวีนกันได้เพราะชีวิตไม่ได้ดั่งใจไปเสียทุกอย่าง อารมณ์โกรธเป็นการระบายวิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความเครียด แต่ก็กระตุ้นการทำงานหัวใจและหลอดเลือดไปจนถึงระบบประสาทเกิดผลเสียตามมาด้วย 

ใครหงุดหงิดเหวี่ยงวีนบ่อย คงต้องกลับมาทนทวนตัวเองแล้วว่าทำไมถึงโกรธง่ายและโมโหบ่อยนัก สังคมของเราในทุกวันนี้พบว่าอารมณ์โกรธถูกกระตุ้นจากความกดดันทางเศรษฐกิจและสังคม ความยากจน ถูกกดขี่ ปัญหาสุขภาพ ความเหลื่อมล้ำและการเลือกปฏิบัติ การสะสมความเครียดในชีวิตประจำวันทำให้โกรธง่ายหรือซึมเศร้า หนักๆ เข้าอาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมเพราะความเกลียดชัง

โกรธบ่อยเกินหรือโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้จึงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ลองตรวจสอบตัวเองว่าโกรธง่ายเพราะสาเหตุใดกันแน่

-ความโกรธเกิดจากการทำงานหนักเกินไป จำเป็นต้องทำงานหาเลี้ยงชีพทุกวัน เหนื่อยและเครียดต่อเนื่อง ไม่มีเวลาว่างหยุดพักผ่อนเติมพลัง เก็บกดมากเข้านานจึงระเบิดออกมาเป็นความรู้สึกโกรธ

-ความโกรธเกิดจากความคาดหวัง เมื่อคนเราคาดหวังแต่ความหวังส่วนใหญ่ไม่เป็นจริงจึงรู้สึกผิดหวังตลอดเวลา กลายเป็นความโกรธในที่สุด

-ความโกรธเกิดจากความเครียด สิ่งที่ทำให้เครียดในชีวิตประจำวันมีอยู่มากมาย บ้างก็ทำงานไม่สำเร็จ ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ พูดไปก็ไม่มีคนรับฟัง ถูกดูหมิ่นทำให้รู้สึกต่ำต้อย ถูกรังแกคุกคาม ความเครียดเรื้อรังทำให้โกรธอยู่เกือบตลอดเวลา

คนเราแสดงความโกรธออกมาไม่เหมือนกัน สัญญาณเตือนว่า “ฉันเริ่มโกรธแล้ว” จึงแตกต่างกันไป บางคนโกรธแล้วเฉยเมย ทำเหมือนไม่เห็น ไม่ได้ยิน บางคนโกรธแล้วก้าวร้าวอาละวาด คนที่โกรธแต่ไม่แสดงออก เราสังเกตสัญญาณของความโกรธได้จากปฏิกิริยาทางร่างกาย เช่น อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น เหงื่อออก หัวใจเต้นเร็ว กำมือ กัดกรามแน่น กล้ามเนื้อตึงเครียด หน้าแดง ปวดหัว แน่นหน้าอก ตะโกนด่าสาปแช่ง หรือทำร้ายร่างกาย ขว้างปาทำลายสิ่งของ ลองสังเกตกันดูว่าตนเองโกรธแล้วเป็นอย่างไร 

ความรู้สึกโกรธเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าโกรธตลอดเวลาควบคุมไม่ได้จะส่งผลต่อชีวิต เป็นสาเหตุของโรควิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า โรคบุคลิกสองขั้ว อาจทำให้คนอื่นเครียดไปด้วย ญาติมิตรเพื่อนสนิทไม่อยากอยู่ใกล้ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนิสัยที่ทำให้คนรอบข้างไม่หนีหายไปจนหมด

เรามาลองฝึกเคล็ดลับควบคุมอารมณ์โกรธแบบง่ายๆ กัน

-หายใจช้า ๆ เริ่มนับ  1 ถึง 10 ให้สมาธิจดจ่ออยู่กับตัวเลขเพื่อสงบสติอารมณ์ ถ้ายังโกรธอยู่ในเริ่มต้นนับใหม่

-เดินช้าลง ทำอะไรช้า ๆ ให้เวลาตัวเองได้ปัดเป่าความโกรธ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ทำหูหวนลมไม่ฟังและเก็บทุกคำพูดที่คิดเอาไว้ในใจ

-คิดให้อภัยและพูดขอโทษ คำว่าขอโทษทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นและมีสติมากขึ้น คำเดียวช่วยลดทิฐิของทั้งสองฝ่าย 

ในกรณีที่เคยขอโทษฝ่ายตรงข้ามแล้วไม่ได้ผล แนะนำว่าไม่ต้องพูดอะไร แยกย้ายกันไปสงบสติอารมณ์จะดีกว่า

ปรับตัวอย่างไรไม่ให้ทุกข์ เมื่อต้องอยู่กับคนเจ้าอารมณ์

ไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่าการที่คุณต้องเริ่มต้นสัปดาห์ในเช้าวันจันทร์ ด้วยการถูกหัวหน้าเหวี่ยงอารมณ์ใส่ตั้งแต่เช้า หรือกรณีที่แย่หน่อย เพียงแค่คุณออกจากบ้าน ก็ถูกรถคันอื่นบีบแตรไล่เพราะความหงุดหงิดรีบร้อนอีกแล้ว และก็ทำให้คุณหงุดหงิดใจไปตลอดทั้งวัน นี่ก็คือ หนึ่งในตัวอย่างของความทุกข์ทนอันเกิดจากคนเจ้าอารมณ์ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงคนเหล่านี้ได้ยากเสียด้วย

อารมณ์เป็นสิ่งที่อยู่อยู่คู่กับมนุษย์เรา และมักจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเนื่องมาจากเหตุผลต่าง ๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากความเครียดในชีวิตประจำวัน สำหรับคนบางคนแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เข้ามารบกวนจิตใจ ก็ทำให้เขาหงุดหงิดและโกรธขึ้นมาได้ง่าย ๆ คนเช่นนี้ ก็คือ คนเจ้าอารมณ์ และหากว่าคุณโชคร้ายต้องอยู่ใกล้กับคนเหล่านี้ ก็จะทำให้คุณเกิดทุกข์ มาดูกันว่าถ้าต้องอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ คุณจะต้องรับมืออย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้คุณอยู่ได้อย่างไม่ทุกข์

ปรับตัวอย่างไรไม่ให้ทุกข์ เมื่อต้องอยู่กับคนเจ้าอารมณ์

การอยู่กับคนเจ้าอารมณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสิ่งที่ยากก็คือ จะทำอย่างไรไม่ให้เรากลายเป็นคนฉุนเฉียวไปด้วย ในขณะที่คนเจ้าอารมณ์ระเบิดความเกรี้ยวกราดใส่คนรอบ ๆ ข้าง ดังนั้นเราต้องรับมือ และปรับตัวเมื่ออยู่กับคนเจ้าอารมณ์ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

ทำความเข้าใจกับคนเจ้าอารมณ์เสียก่อน

จริง ๆ แล้วคนเจ้าอารมณ์มักจะรู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่ยุติธรรมต่อเขา พวกเขามักจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกละเมิดอะไรบางอย่าง และเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านี้ เขาก็มักจะใช้อารมณ์โกรธขึ้นมาเป็นทางออก และใช้เป็นเกราะป้องกันตนเอง พวกเขาจึงระเบิดอารมณ์ใส่คนรอบข้างได้ง่ายดาย 

การรับมือกับคนเจ้าอารมณ์ด้วยความนิ่งสงบ

ลำดับแรกคุณจะต้องไม่กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับอารมณ์โกรธของเขา เพราะแท้ที่จริงแล้ว ต้นเหตุของความโกรธ หรือการระเบิดอารมณ์ของพวกเขา ก็เป็นเพียงแค่เกราะป้องกันตัวของพวกเขาเท่านั้นเอง ใช้เหตุผลพูดคุยกับเขาด้วยความนิ่งสงบ แล้วเขาก็จะรู้สึกเกรงใจคุณไปเองในที่สุด

เผชิญหน้าคุณเจ้าอารมณ์เมื่อเขาสงบลงแล้ว 

จำไว้ว่า เมื่อยามที่มนุษย์เราโกรธ ร่างกายของเราจะเผาผลาญพลังงานอย่างรวดเร็ว และอะดรีนาลีนในกระแสเลือดจะเข้มข้น อารมณ์จะมีอิทธิพลเหนือความคิด ดังนั้นช่วงที่เขามีอารมณ์โกรธ ให้คุณหลีกเลี่ยง และรอคอยให้เขาสงบลง สร้างระยะห่างกับเขาพอสมควร เมื่อเขาอารมณ์เย็นลงแล้วคุณจึงค่อยพูดคุย ทำความเข้าใจ พร้อมกับแสดงความเห็นอกเห็นใจ สิ่งเหล่านี้จะสร้างความรู้สึกในทางบวก และทำให้คนเจ้าอารมณ์รู้สึกว่าคุณไม่ใช่คนที่พร้อมจะต่อสู้ห้ำหั่นกับเขา แถมคุณยังเป็นเซฟโซนทางอารมณ์ให้เขาได้ด้วยซ้ำ และนั่นจะทำให้คุณได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า จากคนเจ้าอารมณ์

สรุปแล้ววิธีการปรับตัวไม่ให้ทุกข์เมื่อคุณต้องอยู่กับคนเจ้าอารมณ์ ก็คือ เรียนรู้ว่าความโกรธของคนเจ้าอารมณ์เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แต่คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้ และไม่ก่อเชื้อไฟให้ความโกรธกลายเป็นความรุนแรง และต้องพูดคุยกันด้วยเหตุและผลเสมอ เพียงแค่นี้คุณก็จะสามารถอยู่กับคนเจ้าอารมณ์ได้อย่างมีความสุขมากขึ้นได้อย่างแน่นอน

เด็กต้องทานไข่ 1 ฟองทุกวัน ให้พลังงานและคุณค่าทางอาหารมหาศาล

ไข่ เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี นำมาปรุงเมนูได้หลากหลาย กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่พ่อแม่เลือกรังสรรค์เป็นเมนูแรกตั้งแต่อายุ 6 เดือน โดยเลือกเพียงไข่แดงเท่านั้น ไข่ขาวทางการแพทย์ยังไม่แนะนำเพราะเด็กอาจเกิดการแพ้ได้ ควรเริ่มทานไปทีละส่วน รอให้เด็กพร้อมก่อน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เด็กทุกคนจะชอบไข่เป็นเมนูโปรด เพราะพวกเขาได้ทานตั้งแต่เด็ก แถมยังทำเมนูไหนก็อร่อยเหาะ

  • มีโอเมก้า 3 ถือเป็นกรดไขมันดี สำหรับเด็ก ๆ แล้วไข่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา บำรุงสมอง
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารตัวนี้แหละที่จะช่วยชะลอความแก่ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
  • มีแคลเซียมสูงถึง 50 มิลลิกรัม ถือเป็นปริมาณที่เพียงพอที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • มีธาตุเหล็ก เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายของเด็ก ๆ แข็งแรง
  • อุดมไปด้วยวิตามินมากมาย อาทิ วิตามินบี ซี ดี อี เค มีประโยชน์ต่อร่างกายและบำรุงสายตา
  • มีโปรตีนและกรดอะมิโน เป็นที่รู้กันว่าโปรตีนเป็นส่วนสำคัญร่างกายต้องได้รับต่อวัน โดยไข่หนึ่งใบมีโปรตีนมากสุดถึง 6 กรัม เหมาะสำหรับคนออกกำลังกายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะในร่างกายอีกด้วย
  • มีสารโคลีนและลูทีน ในปริมาณ 20% ส่งผลดีต่อสมองและระบบประสาท เด็ก ๆ จึงควรทานแบบไม่ให้ขาด อีกทั้งยังเป็นสารอาหารที่ทำให้ดวงตาแข็งแรง
  • ช่วยลดน้ำหนัก เพราะโปรตีนสูง เมื่อทานในตอนเช้าจึงอยู่ท้องได้นาน หากพ่อแม่ท่านไหนกำลังลดความอ้วนอยู่ สามารถทานได้เลยเห็นผลแน่นอน 

เด็กแต่ละช่วงวัย กินไข่วันละกี่ฟอง

1.สำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปสามารถทานไข่ต้มสุกได้ โดยจะต้องเลือกแค่ไข่แดงเท่านั้น นำไปผสมข้าว โดยเริ่มต้นที่ปริมาณน้อย ๆ ก่อน เมื่อสังเกตแล้วว่าลูกน้อยขับถ่ายปกติก็สามารถเพิ่มปริมาณขึ้นอีกได้

2.สำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปหรือจะเป็นวัยเรียน วัยรุ่น แนะนำว่าควรทานไข่ในปริมาณวันละ 1 ฟอง 

3.สำหรับคนวัยทำงานที่มีสุขภาพปกติไม่มีโรคประจำตัว สามารถทานได้วันละ 1 ฟอง

4.สำหรับผู้สูงอายุหรือในคนอ้วน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สามารถทานไข่ได้ โดยการเลี่ยงการทานไข่แดง ทานได้ 3 – 4 ฟอง/สัปดาห์ หรือวันเว้นวัน

รู้แบบนี้แล้วพ่อแม่ทั้งหลาย รวมไปถึงผู้ป่วยโรคเบาหวาน โลหิตสูงสามารถทานไข่ได้ โดยจะต้องควบคุมปริมาณด้วย เพราะในบางคนที่เป็นโรคที่เรากล่าวไปส่งผลเสีย เพราะในไข่แดงมีคอเลสเตอรอล ให้พลังงานสูง

ไหว้พระ 9 วัด 9 พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 9 จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ขับรถไปเที่ยววันเดียวได้

วันหยุดสุดสัปดาห์ มีเวลาแค่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ จะพาครอบครัวไปเที่ยวไหนดี? เรามาลองดูทริป 1 วันที่ทั้งสนุก ได้กินอาหารอร่อย เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและคนที่คุณรัก จังหวัดใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางไปกลับไม่นาน เป็นการใช้เวลาว่างในวันหยุดอย่างคุ้มค่าทีเดียว

ทริปท่องเที่ยว 9 วัด ใน 9 จังหวัด สักการะ 9 พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์

1. หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ไม่มีใครไม่รู้จัก อันมีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ปี 2313 มีพระพุทธรูปพี่น้องรวม 3 องค์ แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำลงมาจากภาคเหนือ องค์พี่ใหญ่ ลอยล่องไปถึงแม่น้ำแม่กลอง ชาวบ้านอัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ที่ วัดบ้านแหลม รู้จักกันในชื่อ หลวงพ่อบ้านแหลม องค์เล็กสุดไปถึงคลองบางพลี ซึ่งก็คือ หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน

ส่วนองค์กลางล่องไปทางแม่น้ำบางปะกงถึงหน้า วัดหงส์ ชาวบ้านช่วยกันยกแต่ไม่สามารถนำขึ้นจากน้ำได้ ต้องทำพิธีบวงสรวงใช้ด้ายสายสิญจน์คล้องพระหัตถ์อัญเชิญขึ้นจากน้ำ วัดหงส์ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น วัดโสธร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิองค์นี้จึงถูกเรียกว่า หลวงพ่อโสธร

ไหว้สักการะ หลวงพ่อโสธร แล้วแวะเดินเที่ยวตลาดชมวิถีชุมชน กินของอร่อย ๆ ซึ่งมีอยู่หลายที่ อาทิ ตลาดคลองสวน ตลาดโบราณนครเนื่องเขต ตลาดบ้านใหม่ ตลาดน้ำบางคล้า

2. หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดบ้านแหลม) อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม

พระพุทธรูปองค์พี่ใหญ่ตามตำนาน 3 พี่น้อง เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร หล่อด้วยทองเหลืองปิดทอง ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้คนมาขอพรให้สมหวังดังปรารถนา ชาวประมงท้องถิ่นก็มีความเชื่อ ความศรัทธาว่า ก่อนออกเรือให้มาไหว้หลวงพ่อฯ แล้วจะปลอดภัย แคล้วคลาด ค้าขายรุ่งเรือง

สมุทรสงคราม ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ตลาดน้ำอัมพวา อุทยาน ร.2 ดอนหอยหลอด ตลาดร่มหุบ

3. หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

พระพุทธรูปองค์น้อง ปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัย สีทองอร่าม ชาวบ้านนิยมไปกราบไหว้ขอพรเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เพราะเชื่อว่าท่านสามารถขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้ คุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภยันตราย

วัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งอยู่ที่ริมคลองสำโรง เดิมมีชื่อว่า วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงชัยชนะของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.สมุทรปราการ นอกเหนือไปจากสถานที่ท่องเที่ยวที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง เมืองโบราณ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สะพานตากอากาศบางปู

4. หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

วัดป่าเลไลยก์เป็นวัดสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรี มีอายุราว 1,200 ปี ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อโต พุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางป่าเลไลยก์ ขนาดสูง 23 เมตร ศิลปะสมัยอู่ทอง มีความงดงามอย่างยิ่ง

ไปถึงเมืองสุพรรณ อย่าลืมแวะ สามชุกตลาดร้อยปี หอคอยบรรหาร-แจ่มใส ด้วยนะ

5. หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ วิหารหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ อ.หนองแค จ.สระบุรี

พระพุทธรูปดิน อายุเก่าแก่ ถูกขุดพบโดยบังเอิญที่หมู่บ้านหนองตาโล่ ต.คชสิทธิ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน พ.ศ. 2502 ชาวบ้านที่มากราบไหว้ขอพรต่างมีประสบการณ์ตรงกัน “ขอพรอะไรก็จะสำเร็จทุกประการ”

วิหารหลวงพ่อฯ อยู่ริมคลองระพีพัฒน์ มีสถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวใกล้ ๆ อาทิ ประตูระบายน้ำพระเอกาทศรถ ศาลเจ้าพ่อหมื่นราม

6. หลวงพ่อวัดไร่ขิง วัดมงคลจินดาราม (วัดไร่ขิง) อ.สามพราน จ.นครปฐม

พระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อทองสัมฤทธิ์ งดงาม ตำนานเล่าว่าลอยน้ำมา ชาวบ้านจึงอัญเชิญขึ้นไว้ที่วัดศาลาปูน ขณะนั้นแสงอาทิตย์ส่องแสงจ้าหายไป กลับปรากฏเมฆดำ ลมปั่นป่วน ฟ้าคะนอง ฝนตกลงมาแทน ชาวบ้านจึงเกิดความปีติยินดีด้วยความเชื่อที่ว่าหลวงพ่อจะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ดับร้อน คลายทุกข์ 

ขอพร หลวงพ่อวัดไร่ขิง แล้ว แวะกินของอร่อย ๆ ที่ ตลาดน้ำวัดดอนหวาย หรือชมดอกไม้ พันธุ์ไม้สวย ๆ ที่สวนสามพราน ต่อเลย

7. หลวงพ่อดำ วัดช่องแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

หลวงพ่อดำ หรือ พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิ พระพุทธรูปปางสมาธิ สูง 5 เมตร ใบหน้าอิ่มเอิบ ดวงตาทอดต่ำลงมองผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ด้วยความเมตตา เดิมเป็นพระพุทธรูปลงรักสีดำ ประดิษฐานอยู่ยอดเขาเจดีย์ กลางแจ้ง ไม่มีหลังคาคลุม ชาวบ้านจึงเรียกว่า หลวงพ่อดำ 

ปัจจุบัน หลวงพ่อดำ ประดิษฐานในพระวิหารวัดช่องแสมสาร ตั้งอยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นวิวทะเลสัตหีบอันสวยงามได้ทั่ว

8. พระพุทธสิหิงค์ วัดโคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

พระพุทธสิหิงค์ หรือชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ที่วัดโคกขามนี้เป็น 1 ใน 4 พระพุทธสิหิงค์ ในประเทศไทย (อีก 3 องค์อยู่ที่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพฯ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ หอพระสิงห์ จ.นครศรีธรรมราช) เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี

มาถึง สมุทรสาคร อย่าลืมไปชมปลาโลมาที่สะพานแดง ด้วยนะ

9. พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อซำปอกง) วัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยาหลวงพ่อซำปอกง พระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา พระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่ครั้งสร้างกรุง เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่ชาวจีนที่เรียกหลวงพ่อว่า ซำปอกง อันเป็นคำเรียกขานแทนชื่อด้วย

4 ความเชื่อโบราณ กุศโลบายที่คนไทยเชื่อสนิทใจ

ความเชื่อโบราณเป็นสิ่งที่เคยได้ยินมาตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยความเป็นเด็กก็มักจะเชื่อเมื่อผู้ใหญ่บอก เมื่อโต ขึ้นสิ่งนี้ก็ยังคงถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอยู่เสมอ บางครั้งก็ไม่เห็นด้วยและเกิดสงสัย แน่นอนสิ่งที่จะทำต่อไปคือหา คำตอบว่าทำไมคนโบราณถึงเชื่อแบบนั้น วันนี้เราได้รวบรวม 4 ความเชื่อโบราณมาแล้ว ไปดูกันว่ามีเรื่อง เกี่ยวกับอะไรบ้างมาดูกัน

1.ก่อนออกจากบ้านห้ามเหยียบธรณีประตู 

ไม่เพียงเป็นความเชื่อของคนโบราณเท่านั้น ยังมีตำนานเล่าขานกันต่อ ๆ ว่าเป็นจุดที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทำหน้าที่ปกปักรักษา ทุกครั้งที่เดินข้ามไปมาจะต้องก้าวให้พ้น

ความเป็นจริง : ในสมัยก่อนคนโบราณมักจะมีบ้านใกล้แม่น้ำลำคลอง ทำให้บ้านมีธรณีประตูสูง ๆ เพื่อป้องกันน้ำ ฝุ่นและที่สำคัญบ้านไหนมีเด็ก จะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กคลานออกมา ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ 

2.ไม่ควรตากผ้าข้ามวันข้ามคืน

           ตามความเชื่อว่ากันว่าหากตากผ้าข้ามคืน ผีกระสือจะเอาไปเช็ดปาก บอกแบบนี้ไปคนโบราณคนไหนก็ต้องรีบเก็บผ้าอย่างไว เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบที่ว่า

ความเป็นจริง:  การตากผ้าในช่วงกลางคืนอาจถูกลักขโมยได้ ในอีกเหตุผลถัดมาที่อาจสร้างอันตรายคือสัตว์มีพิษชนิดต่าง ๆ อาจเข้ามาอาศัยอยู่ในเสื้อผ้า ซึ่งสัตว์เหล่านั้นอาจเข้ามาพร้อมกับเสื้อ 

3.เวลาเดินขึ้นบันไดห้ามเดินข้ามขั้น

คนโบราณเชื่อว่าหากเดินข้ามขั้นบันไดไม่ว่าจะทำอะไรก็จะไม่ประสบความสำเร็จ มักพบเจอแต่ความลำบาก ใครที่มีนิสัยการเดินข้ามขั้นบันไดเลิกทำเลย หากไม่อยากเป็นตามที่โบราณท่านได้กล่าวไว้ข้างต้น

ความเป็นจริง : สำหรับความเชื่อนี้ไม่เพียงเป็นแค่คำเตือนเท่านั้น ยังถือเป็นคติสอนใจด้วยว่า การทำอะไรก็ตามควรค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ไม่ควรทำอะไรข้ามขั้น ดั่งเช่นการเดินขึ้น-ลงบันไดที่ควรก้าวทีละขั้นนั้นเอง

4.เวลานอนห้ามหันหัวไปทางทิศตะวันตก

ความเชื่อนี้ทุกคนจะต้องเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งก่อนจะนอนก็ต้องเช็คก่อนว่าที่ตรงนั้นเป็นทิศอะไร หากเป็นทิศตะวันตกควรเปลี่ยนฝั่งทันที สาเหตุที่ห้ามเพราะเป็นทิศของคนตาย หากหันหัวไปฝั่งนั้นอาจฝันร้ายและหลับไม่สนิท

ความเป็นจริง :  หากมองในหลักความเป็นจริง เป็นทิศตะวันตกฝั่งที่รับแสงแดดนานที่สุด ผนังจึงเก็บความร้อนได้มากทีเดียว ด้วยอุณหภูมิที่สูงแบบนี้ไม่ว่าใครก็หลับไม่ลง